15 ตุลาคม 2563 นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการประกาศ พรก.สถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ของรัฐบาลว่า เป็นมาตรการทางกฎหมายของรัฐบาลต่อการชุมนุมของกลุ่มต่างๆ ตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมาซึ่งต้องเฝ้าติดตามดูว่า สามารถควบคุมสถานการณ์การชุมนุมได้จริงหรือไม่ ตนได้เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวการชุมนุมของทุกฝ่ายอย่างใกล้ชิด
ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคณะราษฎร 2563 หรือ กลุ่มคนเสื้อเหลืองซึ่งเป็นการชุมนุมที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกัน ย่อมมีการกระทบกระทั่งกัน และมีการปะทะกันอย่างประปราย หรือเกิดความวุ่นวายเป็นระยะๆ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ด่วน จับ รุ้ง-ณัฐชานน 2 แกนนำม็อบ 14 ตุลารุ่น 2
ประมวลภาพ ปฏิบัติการสถานการณ์ฉุกเฉิน "สลายการชุมนุม" ม็อบ 14 ตุลา
ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินให้อำนาจเจ้าพนักงาน "จับกุม-เรียกตัว-ตรวจค้น-ยึดอายัด"
จากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดทั้งวัน สามารถตั้งข้อสังเกตได้ ดังนี้
1.กลุ่มมวลชนทั้งหมด ที่มาร่วมชุมนุมของทั้งสองฝ่ายเป็นการจัดตั้งมวลชนกันมา มีการโฆษณาชวนเชื่อ และปลุกระดมให้เกิดความเชื่อตามแนวความคิดของแต่ละฝ่าย
2.มีนักการเมืองอยู่เบื้องหลังการชุมนุม หรือให้การสนับสนุนทั้งสองฝ่าย มีทั้งที่เปิดเผยตัวและไม่ยอมเปิดเผยตัวต่อสาธารณชน
3.มีการระดมมวลชนของแต่ละฝ่ายมาให้มากที่สุด เพื่อแสดงพลังทางการเมือง ตามที่เกิดภาพมีรถขนคนให้เห็นทางสื่อโซเชียลมีเดีย
4.เป็นการชุมนุมที่มีข้อเรียกร้องสุดขั้ว ก่อให้เกิดความขัดแย้งทางสังคมสูง จนเกิดวาทกรรมที่เรียกกันว่า กลุ่มล้มเจ้ากับกลุ่มโหนเจ้า
5.มีการเคลื่อนไหวในลักษณะยั่วยุให้เกิดความรุนแรง หวังให้เกิดการเผชิญหน้ากันระหว่างกลุ่มมวลชน2กลุ่ม จนไม่สามารถควบคุมได้
6.มีมือที่สามคอยสร้างสถานการณ์ความรุนแรง หวังผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลแสดงความรับผิดชอบ
7.มีแนวความคิดและเตรียมการสร้างเงื่อนไข เพื่อเปิดทางให้อำนาจนอกระบบ เข้ามาแทรกแซงระบอบประชาธิปไตยอีกครั้งหนึ่ง
ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ อยากให้คนไทยทุกคน กลุ่มการเมืองทุกฝ่าย ได้ตระหนักและร่วมมือกันประคับประคองระบอบประชาธิปไตยอย่าให้ถูกทำลาย ซึ่งภูมิคุ้มกันระบอบประชาธิปไตย และทางออกของประเทศในขณะนี้ ก็คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ให้เป็นรัฐธรรมนูญที่มาจากประชาชน และเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง