อุดรพร้อม"รับผู้ป่วยกลับภูมิลำเนา"แล้ว222ราย บริจาค"ไฮโฟลว์"73เครื่อง
อุดรพร้อม นำชาวจากพื้นที่เสี่ยงสูงกลับบ้านรักษาตัวแล้ว 222 คน จากเป้าหมาย 1,200 คน มอบหมายทุกอำเภอทำศูนย์พักคอยและกักสังเกตอาการ ธารน้ำใจคนอุดรระดมทุนจัดซื้อเครื่องช่วยหายใจระบบออกซิเจนไฮโฟลว์ 73 เครื่องให้รพ.ในอีสานตอนบน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดอุดรธานี ร่วมกับ ศบต.จังหวัดอุดรธานี สำนักสาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี มณฑลทหารบกที่ 24 หน่วยงานภาครัฐ-เอกชน ทุกอำเภอของจังหวัด จัดโครงการ “นำลูก-หลานชาวอุดรฯกลับบ้าน” ไทอุดรไม่ทิ้งกัน
ด้วยการจัดหารถโดยสารไปรับลูกหลานชาวอุดรธานี ทั้งที่กำลังติดเชื้อโควิค-19 และผู้ไม่ติดเชื้อที่มีความต้องการเดินทางกลับมารักษา ดูแลกักตัวตามมาตรการกักตัว 14 วัน ด้วยความสมัคใจ มีเป้าหมายเบื้องต้นนี้ไว้ที่ 1200 คน โดยได้รับความร่วมมือจากมณฑลทหารบก ที่ 24 ใช้ลานจอดรถหน้าสโมสรนายทหาร ค่ายประจักษ์ศิลปาคม เป็นสถานที่รับ-ส่งผู้เดินทางกลับบ้าน แยกย้ายไปรักษาตัวตามภูมิลำเนาของแต่ละคน
ในการเดินทางใช้มาตรการรักษาควมปลอดภัยสูงสุด แยกระหว่างผู้ติดเชื้อและไม่ติดเชื้อ โดยระหว่างวันที่ 14 -18 ก.ค.2564 มีผู้สมัครใจที่ต้องการเดินทางกลับบ้านแล้ว จำนวน 3 เที่ยว รวม 222 คน แบ่งเป็นผู้ป่วยติดเชื้อและมีผลตรวจยืนยัน 112 คน ผู้ไม่ติดเชื้อ ผู้ที่มีความเสี่ยง หรือได้รับความเดือดร้อน 110 คน
โดยเช้าวันที่ 18 ก.ค.2564 ที่ลานจอดรถหน้าสโมสรนายทหาร ค่ายประจักษ์ศิลปาปาคม มณฑลทหารบกที่ 24 อุดรธานี นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการ จ.อุดรธานี นายนิติพัฒน์ ลีลาเลิศแล้ว รองผู้ว่าราชการ จ.อุดรธานี พ.อ.ธนาวีร์ วิชาชัย รอง ผอ.รมน.อุดรธานี นายธีระภัทร์ ผิวสวัสธ์ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.อุดรธานี และคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อ จ.อุดรธานี คณะทำงานควบคุมโรค ให้การต้อนรับพี่น้องชาวอุดรธานี เดินทางกลับจากกรุงเทพฯ และปริมณฑลชุดแรก จำนวน 98 คน โดยเป็นเที่ยวที่ 3 ในโครงการนำลูก-หลานชาวอุดรฯกลับบ้าน”ไทอุดรไม่ทิ้งกัน”
สำหรับผู้ที่มีอาการติดเชื้อโควิค-19 เมื่อเดินทางมาถึงอุดรธานี จะมีรถฉุกเฉินของอำเภอต่าง ๆ มาเตรียมรอรับผู้ติดเชื้อตามภูมิลำเนา เดินทางไปเข้ารับการรักษาตัวในแต่ละอำเภอทันที ผู้ที่ยังไม่แสดงอาการ ได้ทำการคัดกรองทำประวัติอย่างละเอียด และทำการตรวจหาเชื้อซ้ำอีกครั้ง ด้วยระบบ RT-PCR และนำตัวส่งไปกักตัวตามพื้นที่อำเภอท้องที่ตามภูมิลำเนาเช่นกัน
ขณะที่อีกส่วนหนึ่งส่งตัวกักตัวในโรงพยาบาลสนาม ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ของนิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี ต.โนนสูง อ.เมืองอุดรธานี รวมทั้งบุคลากรทางการแพทย์ ที่เดินทางกลับมาจากการช่วยเหลือดูแลผู้ป่วยที่โรงพยาบาลบุษราคัมด้วย โดยทุกขั้นตอนการปฏิบัติงานเป็นไปตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดในชุมชน
นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เปิดเผยว่า คนอุดรทุกคนต้องปลอดภัย การนำพี่น้องลูกหลานชาวจังหวัดอุดรธานีกลับบ้าน ตามโครงการ”ไทอุดรไม่ทิ้งกัน"ดังกล่าว มีมาตรการรักษาความปลอดภัยตามมาตรการทุกขั้นตอน โดยขบวนรถที่นำพี่น้องชาวอุดรธานีกลับบ้าน จะมีรถนำของตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี นำขบวน ตามด้วยรถตู้เจ้าหน้าที่ป้องกันจังหวัดอุดรธานี และสาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี ทำหน้าที่อำนวยความสะดวกในการเดินทาง และตามด้วยรถบัสพี่น้องประชาชน ลูกหลาน ปิดท้ายด้วยรถตำรวจอีกคัน เดินทางมาจนถึงจุดนัดหมายที่อุดรธานี
นายสุวิทย์ พิพัฒน์วิไลกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองอุตสาหกรรม จำกัด กล่าวว่า ได้ให้ความร่วมมือกับจังหวัด โดยได้เร่งปรับปรุงภูมิทัศน์โดยรอบอาคารคลังสินค้าหลังใหม่ เพื่อเตรียมรองรับการเป็นโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 2 ของจังหวัดอุดรธานี สามารถให้การรองรับผู้เข้ารับการกักตัวได้จำนวนหลายร้อยคน และมีพื้นที่ส่วนหนึ่ง จัดเอาไว้สำหรับกักตัวบุคลากรทางการแพทย์ ที่เดินทางกลับมาจากการไปปฎิบัติหน้าที่ที่โรงพยาบาลบุษราคัมที่กรุงเทพฯ
วันก่อนหน้านั้นนายสยาม ศิริมงคล ผวจ.อุดรธานี พร้อมด้วยนายสวาท ธีระรัตนนุกูลชัย ประธานอาวุโสหอการค้าจังหวัดอุดรธานี เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินทางไปตรวจความเรียบร้อยตัวอาคารคลังสินค้า ภายในโครงการนิคมอุตสาหกรรม อุดรธานี พบว่ามีความพร้อม โดยมีการติดตั้งระบบน้ำประปา ระบบไฟฟ้า ระบบระบายอากาศ และระบบบำบัดน้ำเสีย ตลอดจนระบบสุขภัณฑ์ห้องน้ำและปรับปรุงภูมิทัศน์โดยรอบอาคาร พร้อมที่จะใช้เป็โรงพยาบาลสนาม แห่งที่ 2 ของจังหวัดอุดรธานี และรับตัวผู้กักตัวตามมาตรการรักษาความปลอดภัยโรคโควิค19 ได้ในวันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม 2564 นี้ได้
นอกจากนี้แล้วอาคารคลังสินค้าอีก 2 หลัง ที่มีพื้นที่การใช้สอยรวมกันจำนวน 18,000 ตร.ม. มีการติดตั้งระบบต่าง ๆ ไปมากกว่า 95% ซึ่งเมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็จะสำรองพื้นที่เอาไว้ในกรณีฉุกเฉินนต่อไป
นอกจากนี้โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี ร่วมกับจังหวัดอุดรธานี จัดทำโครงการจัดหาเครื่องช่วยหายใจระบบออกซิเจนไฮโฟลว์เพิ่มเติม ทั้งที่ทางโรงพยาบาลศูนย์ และโรงพยาบาลเครือข่ายในภาคอีสานตอนบน 7 จังหวัด จากที่มีอยู่ประมาณ 70 เครื่อง ต้องเตรียมเพิ่มอีกเท่าตัวเพื่อรับมือสถานการณ์ระบาดที่กำลังเร่งตัวขึ้น ผู้ว่าฯจึงเชิญชวนข้าราชการในจังหวัดบริจาค ตั้งเป้าจะจัดหาเพิ่ม 3 เครื่อง ต่อมาภาคเอกชนและคนทั่วไปทราบข่าว แจ้งความประสงค์ร่วมบริจาคสมทบ จนมียอดบริจาคจากหน่วยราชการ 3,761,614.11 บาท ภาคเอกชน 2,323,040.00 บาท โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี 12,379,898.00 บาท รวมเป็น 18,464,562.11 บาท สามารถจัดเคื่องช่วยหายใจได้จำนวน 73 เครื่อง เพียงพอสำหรับรพ.ศูนย์อุดรธานีและรพ.เครือข่าย 7 จังหวัด
วันที่ 20 ก.ค.2564 ที่ลานด้านหลังพิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานี นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดอุดรธานี ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง Vองค์กรภาคเอกชน ประชาชน เป็นประธานส่งมอบเครื่องช่วยหายใจ""ออกซิเจน ไฮโฟลว์" ให้โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี โดยมีนายแพทย์ปรเมษฐ์ กิ่งโก้ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี แพทย์หญิงฤทัย วรรธนวินิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอุดรธานี เป็นผู้รับมอบ เพื่อใช้ในการดูแลสุขภาพพี่น้องประชาชน และให้พี่น้องประชาชนชาวอุดรธานีเกิดความเชื่อมั่น และมั่นใจว่าอุดรธานี ราชการพร้อมดูแลพี่น้องประชาชนให้ปลอดภัย ห่างไกลจากโควิด-19
นายสยาม ศิริมงคล ผวจ.อุดรธานี กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ในปัจจุบันพบผู้ป่วยในพื้นจำนวนมาก มีความจำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจไฮโฟลว์เพิ่มขึ้น จึงได้ปรึกษากันในที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อ และมีความเห็นชอบร่วมว่า ให้หักเงินเดือนส่วนหนึ่งของข้าราชการสมทบทุนจัดซื้อ สมทบกับที่บุคลากรการแพทย์โรงพยาบาลอุดรธานีได้สละเงินร่วมบริจาคซื้อเครื่องช่วยหายใจระบบออกซิเจนไฮโฟลว์ และนักธุรกิจ พ่อค้า ประชาชนจังหวัดอุดรธานีร่วมบริจาคร่วมอีกส่วนหนึ่ง จนสามารถจะจัดหาได้ถึง 73 เครื่องดังกล่าว แต่ก็ยังมีผู้แสดงเจตนารมณ์จะร่วมบริจาคอยู่ จึงกำลังพิจารณาร่วมกันทุกฝ่ายเพื่อจัดการดำเนินการตามความประสงค์ของผู้มีจิตศรัทธาต่อไปแล้ว
“ขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมด้วยช่วยกัน ในกิจกรรม”ไทอุดรอุดรไม่ทิ้งกัน” ขอบคุณทุกภาคส่วนที่ให้การช่วยเหลือการทำงานของภาครัฐ ซึ่งเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้บุคลากรการแพทย์และส่วนที่เกี่ยวข้องมีกำใจในการปฏิบัติงาน เพื่อดูแลความปลอดภัยจากโรคโควิค-19ของพี่น้องประชาชนจังหวัดอุดรธานี” นายสยามฯกล่าว
