หมอธีระชี้ปัญหาโควิด-19 แพร่กระจายมาจากการใช้นโยบายที่ยืดหยุ่น

16 ก.พ. 2564 | 02:00 น.

หมอธีระชี้ปัญหาโควิด-19 แพร่กระจายมาจากการใช้นโยบายที่ยืดหยุ่น ให้คนใช้ชีวิตใกล้เคียงปกติ

รายงานข่าวระบุว่า รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Thira Woratanarat (ป๊ามี้คีน)" โดยมีข้อความว่า สถานการณ์ทั่วโลก 16 กุมภาพันธ์ 2564...

              เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 276,654 คน รวมแล้วตอนนี้ 109,622,245 คน ตายเพิ่มอีก 7,085 คน ยอดตายรวม 2,417,063 คน

              อเมริกา เมื่อวานติดเชื้อเพิ่ม 46,178 คน รวม 28,298,996 คน ตายเพิ่มอีก 929 คน ยอดตายรวม 497,868 คน

              อินเดีย ติดเพิ่ม 9,036 คน รวม 10,925,208 คน

              บราซิล ติดเพิ่ม 23,856 คน รวม 9,858,369 คน

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์

              รัสเซีย ติดเพิ่ม 14,207 คน รวม 4,086,090 คน

              สหราชอาณาจักร ติดเพิ่มอีก 9,765 คน รวม 4,047,843 คน

อันดับ 6-10 เป็น ฝรั่งเศส ตุรกี อิตาลี สเปน และเยอรมัน ส่วนใหญ่ติดกันหลายพันถึงหลักหมื่นต่อวัน

              แถบอเมริกาใต้ ยุโรป เอเชีย อย่างโคลอมเบีย เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ ยูเครน แคนาดา รวมถึงอิหร่าน บังคลาเทศ อิสราเอล สหรัฐอาหรับอีมิเรตส์ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น และมาเลเซีย ยังติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่น

              แถบสแกนดิเนเวีย บอลติก และยูเรเชีย ก็ยังมีติดเชื้อเพิ่ม ส่วนใหญ่หลักร้อยถึงพันกว่า

              เกาหลีใต้ และไทย ติดเพิ่มหลักร้อย ส่วนเวียดนามติดเพิ่มหลักสิบ ในขณะที่จีน สิงคโปร์ ฮ่องกง ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ

              คาดว่าตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไป จำนวนการติดเชื้อต่อวันของทั่วโลกจะสามารถกดลงไปถึงระดับที่เหมือนกับช่วงมิถุนายนปีที่แล้วคือราว 250,000 คนต่อวันได้

              อย่างไรก็ตาม ประเทศที่จะฟื้นตัวได้เร็วนั้นจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลักสี่ประการคือ

              หนึ่ง นโยบายและมาตรการที่รัดกุม โดยไม่ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการนำเชื้อกลายพันธุ์เข้ามาสู่ภายในประเทศ

              สอง พฤติกรรมการป้องกันตัวของประชาชนอย่างเป็นกิจวัตร ทั้งระดับบุคคล ชุมชน รวมถึงธุรกิจห้างร้านต่างๆ ที่ประกอบกิจการ

สาม การเลือกใช้วัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูง และความสามารถในการจัดหามาฉีดให้กับประชาชนอย่างครอบคลุม

              สี่ ระบบการตรวจคัดกรองโรคที่มีสมรรถนะในการให้บริการอย่างครอบคลุมทุกพื้นที่

              วิเคราะห์สถานการณ์ของเรา...

              คงต้องยอมรับว่าวัคซีนที่ไทยนำมาใช้ ไม่ว่าจะเป็น Sinovac หรือ Astrazeneca นั้น ผลของการป้องกันการติดเชื้อแบบมีอาการนั้นมีแนวโน้มจะไม่เท่ากับวัคซีนอีกหลายตัวที่ประเทศอื่นๆ ได้ใช้กัน เช่น Pfizer/Biontech และ Moderna รวมถึง Johnson&Johnson และ Novavax ด้วย

              ดังนั้นผลลัพธ์ที่จะคาดหวังได้ก็คงต่างจากประเทศอื่นๆ อยู่ไม่มากก็น้อย

              ล่าสุดอิสราเอลได้เผยแพร่ข้อมูลจากการศึกษาวิจัยติดตามประเมินผลของการฉีดวัคซีนที่ประเทศเค้า ซึ่งใช้ mRNA vaccine ของ Pfizer/Biontech โดยเปรียบเทียบอุบัติการณ์การเกิดการติดเชื้อแบบมีอาการป่วยรุนแรง ในประชากรราว 1,200,000 คน ซึ่งครึ่งหนึ่งได้วัคซีนไป อีกครึ่งยังไม่ได้วัคซีน พบว่ากลุ่มที่ได้วัคซีนไปนั้นสามารถลดอัตราการเจ็บป่วยรุนแรงได้ถึง 94% พอๆ กับที่รายงานในงานวิจัยทางคลินิกระยะที่สาม

              แต่สิ่งที่ต้องเน้นย้ำคือ แม้แต่ประเทศที่ฉีดไปจำนวนมากแบบอิสราเอล อัตราการติดเชื้อต่อวันก็ยังสูงหลายพันต่อวัน เพราะวัคซีนต่างๆ ที่มีอยู่นั้นยังไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อแบบไม่มีอาการได้ดีเพียงพอ พฤติกรรมการป้องกันตัวอย่างเคร่งครัดจึงยังจำเป็นต้องทำอย่างต่อเนื่องในชีวิตประจำวันแม้จะมีวัคซีนใช้แล้วก็ตาม

              ต้องตระหนักเสมอว่า แม้ได้วัคซีนแล้ว ก็อาจติดเชื้อได้ และแพร่ไปให้คนในครอบครัว เพื่อนร่วมงาน และคนอื่นในสังคมได้

              ด้วยสถานการณ์ที่เราเห็นในปัจจุบันว่ามีการติดเชื้อในชุมชนกระจายไปเรื่อยๆ ในหลากหลายพื้นที่

              ปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากการเลือกใช้นโยบายที่ยืดหยุ่น ให้คนใช้ชีวิตใกล้เคียงปกติ แต่การตรวจตรามาตรฐานการป้องกันโรคนั้นไม่ครอบคลุมเพียงพอ ทำให้แหล่งการใช้ชีวิตต่างๆ เช่น ตลาด ก็ยังดำเนินการไปอย่างแออัด อากาศไม่ถ่ายเท รวมถึงพ่อค้าแม้ค้าบางส่วนก็ไม่ได้ระแวดระวังป้องกันตัว ทั้งกินข้าวร่วมกัน หรือแม้แต่การตะลอนหลายที่ ไม่สวมหน้ากาก เป็นต้น

              ดังนั้นคงได้แต่พึ่งตัวของเราเอง ป้องกันตัวให้ดี ใส่หน้ากากเสมอ ล้างมือบ่อยๆ อยู่ห่างคนอื่นหนึ่งเมตร ลดละเลี่ยงการกินดื่มในร้าน ซื้อกลับจะดีกว่า ลดละเลี่ยงการท่องเที่ยวพบปะสังสรรค์กัน และคอยสังเกตอาการตนเองและครอบครัว หากไม่สบายคล้ายหวัด ให้หยุดเรียนหยุดงานแล้วรีบไปตรวจ

              ด้วยรักและปรารถนาดี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หมอยงแนะไทยจัดวัคซีน AstraZeneca - Johnson and Johnson - Sputnik V

แพทย์เตือนให้ "เฝ้าระวัง" 3 ไวรัสโควิดกลายพันธุ์

"ปทุมธานี"ติดเชื้อโควิด-19เพิ่มต่อเนื่องอีก 48 ราย ป่วยสะสม 262 ราย 

ข่าวดี วัคซีนต้านโควิด แอสตร้าเซนเนก้า WHO ได้ประกาศขึ้นทะเบียนให้ใช้ในกรณีฉุกเฉินได้แล้ว

หมอธีระชี้โควิด-19 ปทุมธานีน่าห่วงแนะทำแคมเปญหน้ากาก 100%