แพทย์เตือนให้ "เฝ้าระวัง" 3 ไวรัสโควิดกลายพันธุ์

16 ก.พ. 2564 | 00:56 น.

แพทย์จุฬาฯ ย้ำโควิด-19 ระบาดในไทยยังเป็นสายพันธุ์จากเมียนมา ขณะนี้กำลังเฝ้าระวังการกลายพันธุ์ซึ่งมีอยู่ 3 สายพันธุ์ที่ต้องจับตา

รศ.นพ.โอภาส พุทธเจริญ หัวหน้าศูนย์โรคอุบัติใหม่ทางคลินิก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เปิดเผยว่า ประเทศไทยกำลังเฝ้าระวัง ไวรัสโควิด-19 จำนวน 3 สายพันธุ์ ซึ่งเป็น ไวรัสโควิด-19 ที่กลายพันธุ์ ได้แก่

          1.สายพันธุ์ B.1.1.7 เป็นสายพันธุ์ที่กำลังระบาดอย่างหนักในประเทศอังกฤษ รวมทั้งแพร่ระบาดไปยังสหรัฐอเมริกาและยุโรป เป็นการกลายพันธุ์ที่ทำให้ไวรัสสามารถจับกับผิวเซลล์ของมนุษย์ได้ดียิ่งขึ้น แบ่งตัวได้ดีขึ้น จึงทำให้มีเชื้อไวรัสในโพรงจมูกมาก ติดเชื้อได้ง่ายขึ้น รวมทั้งอาจจะสัมพันธ์กับอาการป่วยและเสียชีวิตที่มากกว่าไวรัสสายพันธุ์ปกติเล็กน้อย

          2.สายพันธุ์ B.1.351 เป็นไวรัสกลายพันธุ์ที่ระบาดในแอฟริกาและแอฟริกาใต้ ไวรัสที่กลายพันธุ์จะสามารถจับกับเซลล์มนุษย์ได้ดี หลบหลีกภูมิคุ้มกันที่เกิดจากการฉีดวัคซีนได้ ทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนลดลงอย่างเห็นได้ชัด

          3.สายพันธุ์ P.1 เป็นไวรัสกลายพันธุ์ที่ระบาดในบราซิล มีลักษณะคล้ายกับไวรัสกลายพันธุ์ในแอฟริกา

 

รศ.นพ.โอภาส ระบุว่า ปกติแล้วไวรัสจะมีการกลายพันธุ์ตลอดเวลา เมื่อมีการแบ่งตัวในคนจะมีการกลายพันธุ์ไปทีละน้อย ในการระบาดระลอกแรก มีข้อมูลว่าไวรัสกลายพันธุ์ทุกสองเดือน ส่วนการระบาดระลอกใหม่ยังไม่พบว่ามีการกลายพันธุ์ และสายพันธุ์ที่ระบาดในประเทศไทย ยังคงเป็นสายพันธุ์ที่มาจากเมียนมา

 

แต่ที่น่าเป็นห่วง คือ หากไทยยังไม่สามารถยับยั้งการแพร่ระบาดจากคนสู่คนได้ ในอนาคต ไวรัสตัวนี้อาจมีโอกาสกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์ในประเทศไทยเอง อาจทำให้คุณสมบัติของไวรัสเปลี่ยนไป ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดขณะนี้ คือ ยับยั้งไม่ให้เกิดการระบาด ด้วยการสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ และการฉีดวัคซีน

 

สำหรับการจับตาไวรัสกลายพันธุ์ 3 สายพันธุ์จากต่างประเทศ พบว่า มีคุณสมบัติที่ทำให้เกิดการแพร่เชื้อได้ง่ายกว่าเดิม โดยในส่วนของสายพันธุ์ที่ระบาดในอังกฤษ พบว่ามีความสัมพันธ์กับการเพิ่มอัตราการป่วยและการเสียชีวิตที่มากขึ้น ส่วนสายพันธุ์แอฟริกา มีผลทำให้การตอบสนองต่อวัคซีนเกือบทุกประเภทลดลง

 

ส่วนการตรวจคัดกรองของระบบสาธารณสุขไทย ขณะนี้สามารถคัดกรองสายพันธุ์อังกฤษได้ทั้งหมด ส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติและคนไทยที่เดินทางมาจากประเทศอังกฤษและประเทศที่มีการระบาด และอยู่ในสถานที่กักตัว จึงสามารถดักจับการแพร่กระจายได้ทั้งหมด ขณะที่สายพันธุ์แอฟริกา พบในผู้ป่วยชายที่เดินทางกลับจากแทนซาเนีย เพียงรายเดียว

 

ด้าน นพ.เฉวตสรร นามวาท รักษาราชการแทน ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ในผู้ป่วยชายที่ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์แอฟริกา ขณะนี้เข้ารับการรักษาแล้ว และมีอาการดีขึ้น ส่วนการค้นหาเชิงรุกในกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยง ยังไม่พบการติดเชื้อเพิ่ม แต่ยังไม่สามารถวางใจได้ เนื่องจากไวรัสโควิดสายพันธุ์แอฟริกา ไม่ได้ระบาดแค่ในทวีปแอฟริกาแล้ว แต่ยังแพร่กระจายไปยังยุโรป ซึ่งข้อมูลขณะนี้พบว่า มีการระบาดในแอฟริกาใต้ อังกฤษ เบลเยี่ยม โมซัมบิก ฝรั่งเศส บอสวานา เนเธอร์แลนด์ และสหรัฐอเมริกา เป็นต้น จึงต้องเฝ้าระวังคัดกรองในกลุ่มผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศอย่างเข้มข้น

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อิหร่านจ่อเผชิญการแพร่ระบาดใหญ่ของโควิดรอบที่ 4 หลังพบไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์อังกฤษ

ผลวิจัยชี้ วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าป้องกันไวรัสกลายพันธุ์จากอังกฤษได้

ไวรัสกลายพันธุ์ 75 ประเทศ COVID-19 ระบาดหนักรอบ 2

ย้ำให้มั่นใจ “ซิโนแวค” เผยผลทดลองวัคซีนได้ผลดีในการต้านทานไวรัสโควิดครอบคลุมไวรัสกลายพันธุ์