7 ELEVEN ถึงคราวขาดทุน

21 ก.ค. 2563 | 21:00 น.

7 ELEVEN ถึงคราวขาดทุน!!! : คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3594 หน้า 13 ระหว่างวันที่ 23-25 ก.ค.63 By…เจ๊เมาธ์

7 ELEVEN

ถึงคราวขาดทุน!!!
 

     *** ผลประกอบการของหุ้นในกลุ่มธนาคารที่เริ่มทยอยออกมา “ต่ำกว่าที่คาด” เป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์กันเอาไว้ โดยในส่วนของ KBANK พบว่าในไตรมาสที่ 2/63 มีกำไร 2.17 พันล้านบาท ปรับลดลงมา 78% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว (ไตรมาส 2/62 = 9.93 พันล้านบาท) ในขณะที่ SCB ไตรมาสที่ 2/63 มีกำไร  8.36 พันล้านบาท ปรับลดลงมา 24% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 1.1 หมื่นล้านบาท ส่วนทาง TMB ที่เห็นว่ามีกำไรดี เป็นผลมาจากการควบรวมกับทางธนาคารธนชาตนะคะ...ไม่ได้มาจากผลการดำเนินงานที่มาจากตัว TMB เองค่ะ และถึงแม้ว่าจะมีกำไรที่มากขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา แต่ก็ปรับลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1/63 ส่วนธนาคารเล็กใหญ่ราคาอื่นๆ ก็รอดูต่อไปอีกนะคะ บอกได้แค่ว่า...คงจะไม่ต่างกันค่ะ
 

     *** หุ้น CPALL ราคาหุ้นค่อยๆ ไหลลงต่ำ เนื่องจากมีบางสำนักวิเคราะห์ประเมินว่าในไตรมาส 2/63 บริษัทฯ อาจจะขาดทุนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เข้าตลาดฯ เป็นต้นมา แต่บางสำนักก็บอกว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ โดยฝั่งที่บอกว่าจะขาดทุนคือ บล. ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี ที่ระบุว่าไตรมาสที่ 2/63 CPALL จะขาดทุน 8.1 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักคือผลกระทบจากการล็อคดาวน์ (Lockdown) และเคอร์ฟิว ซึ่งส่งผลกระทบกับอาหารพร้อมทาน เช่น ผัดซีอิ๊ว ข้าวผัดกะเพรา ไส้กรอก และเครื่องดื่ม ซึ่งเป็นกลุ่มอาหารที่มีอายุสั้น แต่มีมาร์จิ้นที่สูงมาก การลดลงของยอดขายสินค้ากลุ่มนี้ย่อมทำให้อัตรากำไรและผลประกอบการของ CPALL ลดลงอย่างมาก

ในขณะที่ทาง บล.เคจีไอ คาดว่า CPALL จะมีกำไรสุทธิในไตรมาส 2/63 ประมาณ 2.7 พันล้านบาท และ บล.เคจีไอ มองว่าถึงแม่จะขาดทุนจากกลุ่มอาหารพร้อมทานอายุสั้นเหล่านี้ แต่ก็ไม่มีผลรุนแรงถึงกับจะทำให้ CPALL ขาดทุนได้ หรือถ้าจะมีผลบ้างอย่างมากก็แค่ทำให้กำไรลดลงมาแค่ 17% เท่านั้นเอง แน่นอนว่าอีกไม่นานผลการดำเนินงาน 2/63 ของ CPALL ก็คงจะเฉลยตัวเองออกมาว่ามีกำไรหรือขาดทุน แต่ที่แน่ๆ คือรอบนี้กำไรถูกปรับลดลงนี่มีแน่นอนค่ะ

 

     *** อุ๊ยย อยู่ดีๆ ราคาหุ้นของ MINT ก็แรงขึ้นมาในช่วงเวลาที่มีการใช้สิทธิ์จองซื้อหุ้นเพิ่มทุนซึ่งกำหนดไว้ว่า 8.2 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญที่ออกใหม่ ในราคาเสนอขาย 17.50 บาทต่อหุ้น แล้วยังแถมฟรีวอแรนต์ (MINT-W7 ) อายุ 3 ปี ในอัตราส่วน 22 หุ้นสามัญ ต่อ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ์ โธ่ๆๆ คุณพี่ขา...ถึงจะมีทั้งแจกทั้งแถมแบบนี้ แต่จะให้เจ๊เมาธ์คิดว่าการที่อยู่ดีๆ ราคาหุ้นของคุณพี่แรงขึ้นมามันจะไม่ใช่เรื่องของการดันราคาเพื่อดึงลูกค้าไปซื้อหุ้นเพิ่มทุนนี่มันก็คงจะไม่ได้...ขายไม่ออกก็บอกเถอะค๊า ก็แหม เหลือเวลาอีกหลายวันกว่าหมดเขตการใช้สิทธ์จองซื้อนี่ค่ะ ถ้าเป็นแบบนี้แสดงว่าโอกาสที่จะเกิดถดถอยของมูลค่า (Dilution Effect) ก็น่าจะสูงไม่น้อยแล้วค่ะ เอาเป็นว่าถ้าสนใจอยากจะเข้าก็ต้องวางแผนให้ดีๆ สุ่มสี่สุมห้า  นอกจากจะเจ็บตัวแล้วยังไม่มีเงินทอนด้วยนะคะ เจ๊เตือนแล้วน๊า
 

     *** กลุ่มหุ้นทวงหนี้อย่าง BAM CHAYO JMT ถึงแม้ว่าในส่วนของ BAM จะยังไม่มีรายได้จากการขายสินทรัพย์ชิ้นใหญ่ๆ แต่ผลการดำเนินงานของ CHAYO กับ JMT ก็ยังเป็นไปในทางที่ดี และการที่ธนาคารเริ่มมีหนี้เสียมากขึ้นหลังจากที่ TISCO ประกาศงบไตรมาส 2/63 และพบว่ามี NPLs พุ่งจาก 2.6% เป็น 3.3% ก็หมายความว่าหุ้นกลุ่มทวงหนี้พวกนี้จะมีแนวโน้มของการโตต่อเนื่อง โดยในส่วน CHAYO บล.กสิกรไทย แนะนำ “ซื้อที่ราคาเป้าหมาย 8.40 บาท ในขณะที่ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง แนะนำ “ซื้อ” JMT ที่ราคาเป้าหมาย 31.50 บาท และแนะนำ “ซื้อ” BAM ที่ราคาเป้าหมาย 31.50 บาท เช่นเดียวกัน ชอบตัวไหน...รักตัวไหน ก็เลือกจิ้มกันได้ตามสะดวกนะคะ ช่วงนี้กำลังดูดีค่ะ