นายธนาเดช ศิลปวิศวกุล และนายรุจิภาส ธนภัทรชัยทัต กรรมการผู้จัดการ บริษัท คิวบี เมดิคอล จำกัด เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วโลกส่งผลให้มีความต้องการใช้ถุงมือยางจำนวนมาก ทำให้ปริมาณการผลิตถุงมือยางทุกชนิดไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดและผู้ใช้ ทำให้เกิดการซื้อขายที่เกินราคาและมีสินค้าที่ด้อยคุณภาพ สินค้าที่ใช้แล้ว รวมทั้งสินค้าปลอมออกสู่ตลาดเป็นจำนวน ทำให้บริษัทมองเห็นโอกาสทางการตลาด และต้องการพัฒนาผลิตภัณฑ์มีคุณภาพเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย
จึงผนึกความร่วมมือกันจัดตั้งบริษัท คิวบี เมดิคอลขึ้นด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 5 ล้านบาท และจะเพิ่มเป็น 100 ล้านบาทภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยถือหุ้นร่วมกันในสัดส่วน 50:50 เพื่อก่อสร้างโรงงานผลิตถุงมือยางสังเคราะห์หรือถุงมือไนไตรล์ (Nitrile Gloves) และถุงมือยางธรรมชาติ (Latex Glove) ภายใต้แบรนด์ “บีโคลฟ” (BQLOVE) ด้วยเงินลงทุนกว่า 8,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินสำหรับก่อสร้าง 800 ล้านบาท เครื่องจักร 5,600 ล้านบาท ค่าสาธารณูปโภคและอื่นๆ อีกราว 1,700 ล้านบาท โดยโรงงานแห่งนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่ 73.5 ไร่ ภายในอุตสาหกรรมไทยอีสเทิร์น จังหวัดชลบุรี
ประกอบด้วย 6 อาคาร เครื่องจักร 32 ไลน์การผลิต เน้นการใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย ระบบออโตเมติก โดยมีทีมที่ปรึกษาจากต่างประเทศเป็นผู้ช่วยสนับสนุนด้านข้อมูล เพื่อให้ได้ถุงมือยางที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน และได้รับการรับรองจากสถาบันต่างๆ โดยจะเริ่มก่อสร้างในเดือนตุลาคม 2563 เริ่มดำเนินการผลิตได้ในเดือนพฤษภาคม 2564 มีกำลังการผลิตถุงมือไนไตรล์ประมาณ 1,000ล้านชิ้นต่อเดือน ประกอบด้วยถุงมือยางหลากหลายประเภท ได้แก่ ถุงมือสำหรับการผ่าตัด (Surgical Glove), ถุงมือสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม (Industrial Golve), ถุงมือสำหรับการตรวจโรค (Examination Glove), ถุงมือชนิดใช้ครั้งเดียวทิ้ง (Disposable Glove) ฯลฯ
“เบื้องต้นการก่อสร้างโรงงานดังกล่าวได้รับการสนับสนุนการเงินจากกลุ่มแต้ล้งฮั้ว ทำให้ธุรกิจครั้งนี้สำเร็จได้อย่างราบรื่น โดยโรงงานจะแบ่งออกเป็น 3 เฟส เน้นการผลิตเพื่อส่งออก 80% ทั้งตลาดในยุโรป อเมริกา และตะวันออกกลาง และจำหน่ายในประเทศ 20% ซึ่งเชื่อมั่นว่าด้วยคุณภาพและเทคโนโลยีที่ทันสมัย จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี”
ทั้งนี้บริษัทได้แต่งตั้งตัวแทนจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 2 บริษัท คือ บริษัท ภัสรุจ เทรดดิ้ง จำกัด และบริษัท รสิพัชร์ เทรดดิ้ง จำกัด เป็นผู้ดำเนินการ โดยคาดว่าจะรับรู้รายได้ในปี 2564 โดยตั้งเป้าที่จะมียอดขายประมาณ 9,000 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นเป็น 1.8 หมื่นล้านบาทในปี 2565 และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่อไป
อย่างไรก็ดีที่ผ่านมาถุงมือยางเป็นที่ต้องการในตลาดต่างประเทศจำนวนมาก แต่ต้องพบกับปัญหาที่สินค้าไม่ได้มาตรฐาน การนำสินค้ามือสองมาขายใหม่ รวมทั้งสั่งสินค้าแล้วไม่ได้รับสินค้าจริง ทั้งนี้อยากให้ภาครัฐให้การสนับสนุนทั้งด้านการส่งเสริมการส่งออก การปราบปรามสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน ตลอดจนการควบคุมต้นทุนวัตถุดิบด้วย
สำหรับนายรุจิภาส ธนภัทรชัยทัต เป็นทายาทรุ่นที่ 3 กลุ่มแต้ล้งฮั้ว (TLH) หนึ่งในตระกูลเก่าแก่ของจังหวัดระยอง เริ่มต้นทำธุรกิจโรงงานยาสูบ (ปัจจุบันไม่ได้ทำแล้ว) ขณะที่ลูกหลายมีธุรกิจในหลายจังหวัด ทั้งโรงงานบรรจุข้าวสาร โรงแรม นำเข้า/ส่งออก ผลิตแบรนด์เครื่องสำอางแบรนด์ Durrianar จำหน่ายในKing power และส่งออกต่างประเทศ ขณะที่คุณพ่อทำบริษัทกระจกรถยนต์และฟิล์มกรองแสงในนาม (TLH Autoglass)
หน้า 21-22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,615 วันที่ 4 - 7 ตุลาคม พ.ศ. 2563
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เอกชนปักหมุดตั้ง "โรงงานถุงมือยาง" กว่า 5 พันล้านบาท