กทม.แจงยิบปรับค่าตั๋วรถไฟฟ้าสายสีเขียว ตลอดสาย104บาท เริ่ม 16 ก.พ.นี้

15 ม.ค. 2564 | 17:30 น.

กทม.แจงยิบปรับค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียว ตลอดสาย 104 บาท มีผลวันที่16ก.พ.นี้ รับขาดทุนปีละ 3-4พันล้านบาท นับรวมปี64-72 ขาดทุน 3-4หมื่นล้านบาท เร่งหาข้อยุติแก้สัญญาสัมปทาน ลดค่าโดยสารเหลือ65บาท

กทม.แจงยิบกำหนดค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียว ตลอดเส้นทางไม่เกิน104 บาท มีผลวันที่16ก.พ.นี้ รับขาดทุนปีละ 3,000-4,000 ล้านบาท

 

นับรวมปี64-72 กรุงเทพมหานคร ชี้แจงการปรับอัตราค่าโดยสารของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ตลอดสาย โดยระบุว่า

 

สืบเนื่องจากการเปิดให้บริการเดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีเชียวเส้นทางส่วนต่อขยายช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ที่ทยอยเปิดให้บริการเดินรถตั้งแต่ วันที่ 3 เมษายน 2561 และเปิดให้บริการเดินรถเต็มทั้งระบบ ในวันที่ 16 ธันวาคม 2563 

รถไฟฟ้าบีทีเอส

 

โดยในช่วงทดลองให้บริการซึ่งยังไม่มีการเดินรถเต็มรูปแบบไม่มีการเรียกเก็บค่าโดยสารจากผู้ใช้บริการเป็นระยะเวลาเกือบสามมาแล้ว เนื่องจาก กทม. ต้องการลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางของประขาชน 

 

บัดนี้เมื่อมีการเปิดให้บริการเดินรถเต็มทั้งระบบแล้ว ประกอบกับ กทม มีภาระค่าใช้จ่ายในการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเริ่มเรียกเก็บค่าโดยสารจากผู้ใช้บริการในส่วนต่อขยาย
สายสีเขียว ตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2564

 

ผู้ใช้บริการในส่วนหลัก ช่วงหมอชิต-อ่อนนุช จะไม่ได้รับผลกระทบ ยังคงเสียค่าโดยสารในอัตราเดิม และจะไม่มีการเรียกเก็บค่าแรกเข้าซ้ำซ้อนกันระหว่างโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนหลัก (หมอชิต-อ่อนนุข และสะพานตากสินสนามกีฬาแห่งชาติ) และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย(ช่วงสะพานตากสิน-บางหว้า และอ่อนนุช-แบริ่ง และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และหมอชิต-สะพานใหม่ คูคต) 

 

 

โดยประชาชนจะจ่ายค่าแรกเข้าสำหรับการใช้บริการโดยสารโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเพียงครั้งเดียวต่อรอบ ปรากฏ
ตามตารางด้านล่างนี้

ค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียว

 

ทั้งนี้อัตราค่าโดยสารของโครงการสายสีเขียวสูงสุดตลอดสายจะอยู่ที่ 158 บาท แต่เพื่อบรรเทาผลกระทบ ที่เกิดขึ้นกับประชาชนภายใต้สถานการณ์การระบาดของโรค COMD-19 กทม. จะปรับอัตราค่าโดยสารสูงสุดตลอดสายอยู่ที่ 104 บาท 

 

กทม.จะมีผลขาดทุนจากการดำเนินการส่วนต่อขยายประมาณปีละ 3,000-4,000 ล้านบาทเมื่อนับรวมตั้งแต่ปี 2564 จนถึงปี 2572 จะมีผลขาดทุนถึงประมาณ 30,000-40,000 ล้านบาท รายละเอียดปรากฏตามตารางเปรียบเทียบด้านล่างนี้

รถไฟฟ้าสายสีเขียว

 

 

ตลอดเวลาที่ผ่านมา กทม.ได้ตระหนักถึงผล
กระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนจากการปรับอัตราค่าโดยสารของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว โดยกทม.ได้พยายามหาทางแก้ไข รวมถึงศึกษาแนวทางการดำเนินการต่างๆ ซึ่ง กทม. เห็นว่าแนวทางการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (Pubtic- Private Partnership: ppp) เป็นแนวทางที่เหมาะสมและดีที่สุด

 

ในการที่จะมาแก้ป้ญหาของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว โดยจะให้เอกชนเข้ามารับภาระหนี้สินของ กทม. เพื่อที่จะทำให้ กทม. สามารถกำหนดอัตราค่าโดยสารที่ไม่เป็นภาระต่อประชาชนจนเกินสมควร และ
จะทำให้ประชาชนได้รับบริการสาธารณะที่ปลอดภัย สะดวก และมีประสิทธิภาพอยู่เหมือนเดิม 

 

โดยในปัจจุบันนี้ กทม. อยู่ระหว่างการนำเสนอแก้ไขสัญญาสัมปทานต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ ซึ่งหากมีการเห็นชอบแล้ว

 

การแก้ไขสัญญาสัมปทานนี้จะช่วยลดอัตราค่าโดยสารสูงสุดจาก 104 บาท เป็น 65 บาท ลดลง 39 บาท และแก้ไขภาระหนี้สินกว่า 120,000 ล้านบาทของกทม. ได้ ซึ่งประกอบด้วย

 

ภาระหนี้สินเดิมที่เกิดขึ้นจากการรับโอนโครงการส่วนต่อขยายที่ 2 ทั้งในส่วนเงินต้นค่างานโยธาที่ประมาณ 55,000 ล้านบาทและภาระดอกเบี้ยในอนาคตอีกประมาณ 10,000 ล้านบาท ค่าลงทุนในงานระบบ (E&M) ในส่วนต่อขยายที่ 2 ประมาณ 20,000 ล้านบาท

 

ภาระหนี้ค่าจ้างงานเดินค้างจ่ายอีกประมาณ 9,000 ล้านบาท และภาระผลขาดทุนจากการดำเนินการส่วนต่อขยายตั้งแต่ปี 2564 จนถึง 2572 รวมอีกประมาณ 30,000 -40,000 ล้านบาท 

 

นอกจากนี้ เอกชนยังต้องแบ่งส่วนแบ่งรายได้ค่าโดยสารหลังปี 2572 ให้ กทม. อีกกว่า 200,000 ล้านบาท และมีส่วนแบ่งเพิ่มเติมในกรณีที่ผลประกอบการจริงดีกว่าที่คาดการณ์

 

ตอนเจรจากทม. ยืนยันว่า ภายใต้อำนาจของ กทม. จะพยายามแก้ไขปัญหาโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวอย่างดีที่สุดเพื่อให้ลดผลกระทบและความเดือดร้อนของประชาชนให้ได้มากที่สุด

 

โดย กทม.จะอธิบายถึงเหตุผลความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับจากการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนต่อรัฐบาล เพื่อที่จะให้สามารถปรับอัตราค่าโดยสารให้ค่าโดยสารของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวตลอดสายลดลงมาเหลือ 65 บาทโดยเร็วที่สุด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เคาะแล้ว! ค่าตั๋วรถไฟฟ้าสายสีเขียว ตลอดสาย 104 บาท เริ่มเก็บ 16 ก.พ.

เปิดศึก 2 พรรค ยื้อสัญญาสัมปทาน “รถไฟฟ้าสายสีเขียว”

บีทีเอส แจงยิบกรณีข่าวจ่อปรับขึ้นราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้า158 บาทตลอดสาย

"สามารถ ราชพลสิทธิ์" แนะ 3 ทางเลือกทางออก "รถไฟฟ้าสายสีเขียว"

ใครได้ใครเสีย? ขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว –สีน้ำเงิน