​“จุรินทร์” เคาะ1,400 ล้าน  ทำลายมันสำปะหลังติดโรคใบด่าง

15 ต.ค. 2563 | 07:22 น.

“จุรินทร์”เคาะใช้งบ 1,400 ล้านบาท สกัดโรคใบด่าง   จ่ายชดเชยการทำลายมันสำปะหลังให้กับเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตรทุกราย   ล่าสุดติดโรคลามแล้ว 26 จังหวัด พื้นที่เสียหาย 3.2 แสนไร่

 

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการมันสำปะหลัง (นบมส.) ว่า ได้หารือถึงมาตรการและแนวทางในการแก้ไขปัญหาโรคใบด่างที่กำลังมีความรุนแรงเพิ่มขึ้น โดยมีการระบาดเพิ่มจาก 22 จังหวัด เป็น 26 จังหวัดทั่วประเทศ มีพื้นที่ได้รับความเสียหายกว่า 3.2 แสนไร่ จึงต้องเร่งป้องกันไม่ให้มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยจะจ่ายชดเชยให้กับเกษตรกรที่ทำลายมันสำปะหลังที่ติดโรค ครอบคลุมเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตรทุกราย และยังจะแจกท่อนพันธุ์ที่มีคุณภาพ ที่ทนทานและปลอดโรคให้กับเกษตรกร ใช้งบประมาณ 1,400 ล้านบาท เริ่มดำเนินโครงการตั้งแต่พ.ย.2563 ถึง 30 ก.ย.2564

​“จุรินทร์” เคาะ1,400 ล้าน   ทำลายมันสำปะหลังติดโรคใบด่าง

 

ทั้งนี้ ที่ประชุมยังได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมการเกษตร เร่งประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกร ที่ได้ทำลายมันสำปะหลังที่ติดโรคใบด่างแล้ว ให้ใช้พันธุ์มันสำปะหลังที่มีคุณภาพ และซื้อท่อนพันธุ์ที่ได้รับการรับรอง อย่าหลงเชื่อผู้ขายบางรายที่ขายท่อนพันธุ์ที่ไม่มีคุณภาพ เพราะจากการตรวจสอบพบว่าในบางพื้นที่มีการหลอกขายท่อนพันธุ์ที่ไม่มีคุณภาพ ทำให้ปลูกแล้วได้ผลผลิตที่ไม่ได้มาตรฐาน

 

ขณะเดียวกัน ได้สั่งการให้กรมการค้าต่างประเทศเข้มงวดในการดูแลการนำเข้ามันสำปะหลังจากประเทศเพื่อนบ้าน ให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด เพื่อป้องกันการลักลอบนำเข้า โดยให้มีการตรวจสอบทั้งการนำเข้ามันเส้น ณ จุดผ่านแดนต่างๆ เพื่อดูแลเสถียรภาพด้านราคามันสำปะหลังให้กับเกษตรกร

นอกจากนี้ ได้เห็นชอบให้คณะอนุกรรมการกำกับดูแลการดำเนินการบริหารจัดการมันสำปะหลังระดับจังหวัด สามารถดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ได้ตลอดอายุของคณะกรรมการ นบมส. ไม่จำกัดเฉพาะปีการผลิต 2562/63 เพื่อให้การดูแลมันสำปะหลังมีความต่อเนื่อง ทั้งการดูแลราคา การปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ เพราะไม่เช่นนั้น ก็จะต้องออกคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการฯ ทุกปี


 

 

 

สำหรับสถานการณ์การระบาดของโรคใบด่างมันสำปะหลังล่าสุด มีพื้นที่เสียหายรวม 326,274.25 ไร่ กินพื้นที่ทั้งสิ้น 26 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี กำแพงเพชร ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ชัยนาท ชัยภูมิ นครราชสีมา นครสวรรค์ บุรีรัมย์ ปราจีนบุรี พิษณุโลก เพชรบูรณ์ แพร่ มหาสารคาม ยโสธร ระยอง ลพบุรี ศรีสะเกษ สระแก้ว สระบุรี สุพรรณบุรี สุรินทร์ อำนาจเจริญ อุทัยธานี และอุบลราชธานี โดยจ.นครราชสีมา เป็นพื้นที่ๆ เสียหายมากที่สุด โดยเสียหายถึง 242,254.25 ไร่ รองลงมา คือ สระแก้ว 29,174.50 ไร่ บุรีรัมย์ 26,297 ไร่ และปราจีนบุรี 9,890.50 ไร่