กมธ.ไล่บี้คู่สัญญา อ.ค.ส. แจงถุงมือยางแสนล้าน

10 ต.ค. 2563 | 10:00 น.

กมธ.ร่อนหนังสือด่วนที่สุด ถึง บจก.เคเค.ออยล์แอนด์แก๊ส หนึ่งในคู่สัญญาถุงมือยาง อคส.แสนล้าน ชี้แจง 14 ต.ค. บิ๊ก เคเค.ออยล์แอนด์แก๊ส ยันบริสุทธิ์ใจพร้อมซื้อถุงมือยาง เตรียมส่งหนังสือทวงถามสัญญารอบ2 วันที่ 12 ต.ค.นี้ ยันยังไม่มีหนังสือยกเลิกสัญญาจาก อคส.

ด้วยคณะกรรมาธิการพาณิชย์และทรัพย์สินทางปัญญา สภาผู้แทนราษฎร ได้กำหนดให้มีการประชุมเพื่อพิจารณาศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับกรณีองค์การคลังสินค้า (อคส.) ทำสัญญาซื้อขายถุงมือยางกับบริษัทเอกชน มูลค่า 112,500 ล้านบาท เพื่อให้การพิจารณาของคณะกรรมาธิการเป็นไปด้วยความรอบคอบ ได้รับทราบข้อมูลจากผู้ที่มีความรู้ ซึ่งสามารถให้ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ ทางกรรมาธิการจึงได้เชิญผู้บริหาร บริษัท เคเค.ออยล์แอนด์แก๊ส จำกัด เพื่อให้ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับข้อมูล ข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการทำสัญญาซื้อขายถุงมือยางกับ อคส. เพื่อประกอบการพิจารณา ในวันที่ 14 ตุลาคม 2563  ที่อาคารรัฐสภา

 

นายอันวาร์ สาและ

 

นายอันวาร์ สาและ ประธานคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และทรัพย์สินทางปัญญา  เผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ในวันที่ 14 ต.ค.2563 ได้มอบให้นาย ปฐมพงศ์   สูญจันทร์ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่สอง ได้ทำหน้าที่หาข้อเท็จจริง ในเรื่องดังกล่าวนี้ให้สังคมได้ประจักษ์ ซึ่งยังไม่ได้กำหนดกรอบระยะเวลา ทั้งให้ข้อสังเกตและข้อเสนอแนะ อาทิ  การเบิกจ่ายเงินเพื่อทำสัญญาการซื้อขายถุงมือยางจะต้องกระทำผ่านคณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้าง ดังนั้นในเรื่องนี้ คณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้างจึงอาจมีความผิด  จำนวนถุงมือยางที่ซื้อขายมีจำนวนมาก ดังนั้นจึงมีข้อสังเกตว่า ในความเป็นจริงแล้วมีถุงมือยางจำนวนตามสัญญาที่ซื้อขายกันจริงหรือไม่ และดำเนินการตรวจสอบ อคส. ว่าจำนวนเงินที่ทำการโอนไปแล้วตามสัญญาซื้อขายขณะนี้อยู่ที่ใด

กมธ.ไล่บี้คู่สัญญา อ.ค.ส. แจงถุงมือยางแสนล้าน

 

 

แหล่งข่าว บจก.เคเค.ออยล์แอนด์แก๊ส เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ทางบริษัทมาถุงมือยางจาก อคส.ซื้อด้วยความบริสุทธิ์ใจ มีสัญญากว่า 50 ล้านกล่อง มูลค่า 1.1 หมื่นล้าน ทยอยส่งมอบภายใน 6 เดือน เริ่มส่งตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้ หากเป็นไปตามข้อตกลงเดิม ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 22 ก.ย.2563 ที่ผ่านมา ได้ทำหนังสือขอทราบสถานะสัญญาจัดซื้อถุงมือยาง ซึ่งปัจจุบันก็ยังไม่ได้รับคำตอบ จาก อคส.เลย ยืนยันว่ายังไม่มีการยกเลิกสัญญา ซึ่งในวันที่ 12 ตุลาคม จะส่งหนังสือไปทวงถามรอบ2 เนื่องจากทางบริษัท ต้องการให้ อคส.หรือกระทรวงพาณิชย์ เป็นเจ้าภาพในการจัดหาของที่ได้คุณภาพเพื่อการส่งออก บริษัทยินดีปฏิบัติติตามเงื่อนไขที่ อคส.หรือกระทรวงพาณิชย์กำหนด แล้วหาก อคส.ไม่ส่งมอบตามสัญญา ทางบริษัทจะเดือดร้อน เนื่องจากคู่ค้าที่ทางบริษัทได้ไปทำสัญญาเรียบร้อยจะฟ้องบริษัทได้ ซึ่งเจตนารมย์ดังกล่าวพร้อมเอกสารทั้งหมดจะเข้าไปชี้แจงกับคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และทรัพย์สินทางปัญญา สภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอความเป็นธรรม ยันไม่ใช่เรื่องทุจริต อย่าให้ทุกคนตกเป็นจำเลย ไม่เป็นธรรม อยากให้มองเป็นรายได้ เรื่องการนำเงินเข้าประเทศมากกว่า ดีกว่าเปิดให้นักท่องเที่ยวให้เข้ามา โอกาสเสี่ยงสูงที่จะระบาดรอบ2