“BCPG” เล็งทุ่ม 3.7 พันล้านซื้อโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ

27 ส.ค. 2563 | 14:35 น.

“บีซีพีจี” เตรียมทุ่มเงิน 3.7 พันล้านบาทลงทุนควบรวม หรือซื้อกิจการ เผยอยู่ระหว่างเจรจาโครงการโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศหลายโครงการ

นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด(มหาชน) หรือ BCPG เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนแบ่งนำเงินจากการเพิ่มทุนจำนวน 3.7 พันล้านบาท มาใช้ลงทุนควบรวม หรือซื้อกิจการ(M&A) ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจาโครงการโรงไฟฟ้าทั้งในประเทศ และ ต่างประเทศหลายโครงการ มีทั้งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โรงไฟฟ้าพลังงานลม  และ โรงไฟฟ้าขยะ  ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปอย่างน้อย 1 โครงการภายในสิ้นปีนี้ หรือต้นปีหน้า ทำให้แนวโน้มกำไรปี 64 จะโตขึ้นกว่าปีนี้

                ทั้งนี้  ในช่วงสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 (Covid-19) จะทำให้การทำ M&A มีส่วนลด 10-20% จากภาวะปกติ เนื่องจากผู้ขายต้องการนำเงินไปใช้แก้ปัญหาทางธุรกิจ โดยบริษัทคาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุน(IRR) ไม่น้อยกว่า 10%
                นอกจากนี้ บริษัทจะเริ่มทยอยรับรู้กำไรจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทย จำนวน 4 โครงการ ขนาดรวม 20 เมกกะวัตต์  ซึ่งบริษัทเข้าซื้อกิจการไปแล้วก่อนหน้านี้ รวมถึงรับรู้กำไรจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ Nam San 3A และ Nam San 3B ในสปป.ลาว และได้ประโยชน์จากการที่รัฐบาลประเทศฟิลิปปินส์ประกาศปรับขึ้นราคารับซื้อไฟฟ้าในประเทศ ส่งผลให้โครงการดังกล่าวมีรายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น

“BCPG” เล็งทุ่ม 3.7 พันล้านซื้อโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ

                อย่างไรก็ดี บริษัทยังเตรียมนำเงินอีก 1 หมื่นล้านบาท ที่ได้จากการเพิ่มทุนด้วยการเสนอขายหุ้นแบบเฉพาะเจาะจงในวงจำกัด (PP) และการเสนอขายหุ้นให้กับนักลงทุนรายเดิม (RO) นำไปใช้ลงทุนพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้า ซึ่งอยู่ในแผน และอยู่ระหว่างการก่อสร้าง โดยเป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ Nam San 3A และ Nam San 3B ในสปป.ลาว และการสร้างสายส่งขนาด 220 กิโลโวลต์ เพื่อส่งไฟฟ้าที่ผลิตจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำทั้ง 2 แห่ง ไปยังประเทศเวียดนาม ซึ่งจะใช้เงินลงทุนในโครงการจำนวน 1.87 พันล้านบาท

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

“BCPG” เพิ่มทุน 1.3 พันล้านหุ้นมูลค่ากว่า 1.02 หมื่นล้านบาท

บีซีพีจีทุ่มกว่า 871 ล้านบาท ลุยซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม 20 เมกะวัตต์ ใน 3 จังหวัด

โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยจำนวน 4 โครงการตั้งอยู่ในบริเวณศาลจังหวัด ได้แก่กาญจนบุรี ลพบุรี และ ปราจีนบุรี มีกำลังการผลิตตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ารวม 20 เมกะวัตต์ ซึ่งใช้เงินลงทุนจำนวน 1.21 พันล้านบาท

                โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมใน สปป.ลาว ซึ่งขณะนี้รัฐบาลเวียดนามได้อนุมัติแผนการรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการ รวมถึงการก่อสร้างสายส่งขนาด 500 กิโลโวลต์ เพื่อรองรับการซื้อไฟฟ้าจากโครงการดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว โดยคาดว่าจะสามารถเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้า(PPA) กับรัฐบาลเวียดนาม และ เลือกผู้รับเหมาโครงการภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งจะใช้เงินลงทุนจำนวน 3.57 พันล้านบาท

                นายบัณฑิต กล่าวต่อไปอีกว่า จากแผนการลงทุน 5 ปี(63-67) ใช้งบลงทุน 4.5 หมื่นล้านบาท โดยมุ่งขยายโรงไฟฟ้าไปยังภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและ ประเทศในกลุ่ม CLMV จากแผนลงทุนดังกล่าวทำให้บริษัทปรับเพิ่ม EBITDA ตามแผน 5 ปีใหม่ จากเดิมที่ตั้งเป้าหมายในปี 67 เติบโต 75% เพิ่มเป็น 2 เท่า จากปีนี้ 3.5 พันล้านบาท เป็น 7 พันล้านบาท

                สำหรับกรณีที่หากมีผู้ถือหุ้นรายย่อยของบริษัทใช้สิทธิ์์ซื้อหุ้น RO ไม่ครบตามจำนวนที่จัดสรร โดยบริษัทมีการหารือกับบริษัทแม่ ซึ่งเป็นผู้ที่ถือหุ้นใหญ่ ปัจจุบันถือหุ้นในสัดส่วน 55-56% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดใน BCPG พร้อมที่จะเข้ามาใช้สิทธิ์ซื้อหุ้น RO ในส่วนที่เหลือเต็มจำนวน ทำให้บริษัทมีความมั่นใจว่า จะได้เงินจากการเพิ่มทุนได้ครบตามแผนที่วางไว้ 1.03 หมื่นล้านบาท

                “บริษัทยังมีการจัดสรรหุ้น PP อีกจำนวน 280-300 ล้านหุ้น เพื่อขายให้กับพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจา 2-3 ราย เป็นผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ โดยบริษัทจะเลือกขาย PP ให้กับพันธมิตรจำนวน 1 ราย ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปได้ไม่เกินกลางปีหน้า”