ส่งออกระส่ำออเดอร์ข้าวหด

03 ก.ค. 2563 | 10:10 น.

ข้าวไทยหลังพิงฝา มองดูเวียดนามแซง จนแต้มไร้ทางออก ชี้ค่าบาทแข็งพ่นพิษ ดันราคาข้าวพุ่งทิ้งห่างคู่แข่ง  60-130 ดอลล่าสหรัฐ ซ้ำร้ายออเดอร์หด ผู้นำเข้าชะลอ เพราะมีสต็อกข้าวเพียงพอแล้ว

ส่งออกระส่ำออเดอร์ข้าวหด

นายเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมส่งออกข้าวไทย เผยถึงสถานการณ์การส่งออกข้าวในเดือนพฤษภาคม 2563 มีปริมาณ 462,768 ตัน มูลค่า 11,122 ล้านบาท โดยปริมาณและมูลค่าส่งออกลดลง 28.1% และ 23.6% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับเดือนเมษายน 2563 เนื่องจากการส่งออกข้าวทุกชนิดมีปริมาณลดลงมากเมื่อเทียบกับเดือนเมษายนเนื่องจากประเทศผู้นำเข้าได้ชะลอการนำเข้าข้าวหลังจากที่นำเข้าไปจำนวนมากและมีสต็อกข้าวเพียงพอแล้ว ขณะที่ประเทศเวียดนามและอินเดียกลับมาส่งออกข้าวตามปกติแล้วและราคาข้าวยังต่ำกว่าของไทยมาก

ประกอบกับประเทศจีนมีการส่งออกข้าวเพิ่มขึ้นเป็นเดือนละประมาณ 200,000 ตัน จึงส่งผลให้ปริมาณส่งออกข้าวไทยลดลงมาก ซึ่งการส่งออกข้าวขาวมีปริมาณ 181,822 ตัน ลดลง 25.3% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยส่วนใหญ่ส่งไปยังประเทศแองโกล่า มาเลเซีย กาบอง ญี่ปุ่น โมซัมบิก เป็นต้น ส่วนการส่งออกข้าวนึ่งมีปริมาณเพียง 81,224 ตัน ลดลง 31.4% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ส่วนใหญ่ส่งไปตลาดประจำในแถบแอฟริกา เช่น แอฟริกาใต้ แคเมอรูน เป็นต้น สำหรับการส่งออกข้าวหอมมะลิ (ต้นข้าว) มีปริมาณ 119,211 ตัน ลดลง 25.6% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ส่วนใหญ่ส่งไปตลาดประจำ เช่น สหรัฐฯ แคนาดา ฮ่องกง สิงคโปร์ เป็นต้น

ส่งออกระส่ำออเดอร์ข้าวหด

สมาคมฯคาดว่าในเดือนมิถุนายน 2563 ปริมาณส่งออกข้าวจะอยู่ที่ประมาณ 450,000-500,000 ตัน เนื่องจากประเทศผู้นำเข้าได้ชะลอการนำเข้าเพราะมีสต็อกข้าวเพียงพอแล้ว ประกอบกับเริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูร้อนของต่างประเทศซึ่งมักจะมีการบริโภคข้าวลดลง และราคาข้าวของประเทศคู่แข่งก็ยังต่ำกว่าข้าวไทยมาก ทั้งนี้การที่ราคาข้าวไทยยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่าประเทศคู่แข่งเนื่องจากอุปทานข้าวของไทยมีจำกัดทำให้ราคาข้าวภายในประเทศยังคงอยู่ในระดับสูง ขณะที่ค่าเงินบาทก็ยังอยู่ในระดับที่แข็งค่าจึงส่งผลให้ราคาข้าวปรับตัวสูงขึ้นและห่างจากประเทศคู่แข่งประมาณ 60-130 เหรียญสหรัฐฯ โดยเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2563สมาคมฯประกาศราคาข้าวขาว 5% ที่ 510 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน ขณะที่เว็บไซต์ Oryza.com รายงานราคาข้าวขาว 5%ของเวียดนาม อินเดีย และปากีสถานที่ 448-452, 378-382 และ 428-432 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน ตามลำดับ