สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน หรือ “สนพ.” มองว่า แนวโน้มราคาน้ำมันดิบมีความผันผวน โดยมีปัจจัยหนุน "ราคาน้ำมัน" จากมาตรการผ่อนคลายการปิดเมืองในหลายประเทศทั่วโลก และการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่ม "โอเปก" และพันธมิตรที่มีแนวโน้มลดลงตามข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตที่ระดับ 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในช่วงเดือนพฤษภาคมและ มิถุนายน 63
สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามคือการประชุมกลุ่มโอเปกและพันธมิตร ซึ่งจะจัดขึ้นต้นเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อหามาตรการระยะสั้นที่ไม่กระทบต่อสมดุลตลาดรองรับสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบโลกที่ปรับสูงขึ้น อย่างไรก็ตามมีปัจจัยต้านจากความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และจีนปะทุอีกครั้งจากสถานการณ์ความไม่สงบครั้งใหม่ในฮ่องกง โดยสหรัฐฯ ขู่ตัดสิทธิพิเศษทางการค้าของฮ่องกง หลังจีนกำลังพิจารณาใช้กฎหมายควบคุมฮ่องกง ซึ่งอาจกระทบเศรษฐกิจโดยภาพรวม
นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการ สนพ. เปิดเผยว่า สนพ. ยังคงจับตาสถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีความผันผวน จากการผ่อนคลายการ "ล็อกดาวน์" ของหลายประเทศ การขยายเวลาลดกำลังการผลิตกลุ่มโอเปกพลัส รวมทั้งโรงกลั่นในสหรัฐฯ หลายแห่งปรับเพิ่มกำลังการผลิต และความขัดแย้งระหว่างจีน-สหรัฐฯ รอบใหม่ อาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจภาพรวม
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันโลกในช่วงวันที่ 25 -31 พฤษภาคม 2563 นั้น ราคาน้ำมันดิบดูไบและเวสต์เท็กซัส เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 34.35 และ 34.09 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 1.22 และ 0.92 เหรียญฯต่อบาร์เรล โดยกำลังการผลิตน้ำมันดิบทั่วโลกปรับตัวลดลง ขณะที่ความต้องการใช้มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นจากการคลายมาตรการปิดเมืองในหลายประเทศ โดยนิวยอร์กซิตี้ ในสหรัฐฯ โดยจะเริ่มผ่อนคลายกับภาคธุรกิจ เฟสแรก ในวันที่ 8 มิถุนายนนี้
โรงกลั่นในสหรัฐฯ หลายแห่งปรับเพิ่มกำลังการผลิตจาก 1.9% สู่ระดับ 71.3% บริษัท เบเกอร์ ฮิวจ์ ได้รายงานแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซในสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์ ณ วันที่ 29 พฤษภาคม 63 ลดลง 17 แท่น สู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 301 แท่น ในขณะที่ของแคนาดาลดลง 20 แท่น ลดลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
กลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตรเตรียมพิจารณาขยายระยะเวลาข้อตกลงในการปรับลดกำลังการผลิตลงราว 9.7ล้านบาร์เรล/วัน ในเดือนพฤษภาคม – มิถุนายน 63 ออกไป โดยกลุ่มผู้ผลิตจะมีการประชุมครั้งถัดไปในต้นเดือนมิถุนายน 63
ราคากลางน้ำมันสำเร็จรูปตลาดภูมิภาคเอเซียนั้น ราคาน้ำมันเบนซินออกเทน 95 และ 92 เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 36.74 และ 33.72 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ที่แล้ว 0.46 และ 0.70 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล จากแรงกดดันจากความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างจีนและสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามอุปทานน้ำมันเบนซินในภูมิภาคเอเชียปรับลดจากการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นในญี่ปุ่นและเกาหลีใต้
กรมศุลกากรของจีนรายงานปริมาณส่งออกน้ำมันเบนซินในเดือนเมษายน 63 เพิ่มขึ้น 0.68 ล้านบาร์เรล MoM (+4.4%) อยู่ที่ 16.15 ล้านบาร์เรล สูงสุดเป็นประวัติการณ์ อย่างไรก็ตาม Platts คาดว่าจีนจะส่งออกในเดือนพฤษภาคม 63 อยู่ที่ 4.25 ล้านบาร์เรล
ราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (10 PPM) เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 39.97 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 0.82 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล แรงหนุนจากอุปสงค์ในภูมิภาคที่เพิ่มมากขึ้น ขณะที่อุปทานปรับตัวลดลง เช่น กลุ่มโรงกลั่นในเกาหลีใต้ คาดการณ์อุปสงค์น้ำมันดีเซลของเกาหลีใต้ ในไตรมาส 2/63 เพิ่มขึ้น 3 ล้านบาร์เรล QoQ อยู่ที่ 40 ล้านบาร์เรล เนื่องจากธุรกิจกลับมาดำเนินการและประชาชนกลับมาทำงานตามปกติ
ค่าเงินบาทของไทยแข็งค่าขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 0.02 บาท/เหรียญสหรัฐฯ อยู่ที่ระดับเฉลี่ย 32.0680 บาท/เหรียญสหรัฐฯ โดยต้นทุนเบนซินลดลง 0.10 บาท/ลิตร และดีเซลเพิ่มขึ้น 0.16 บาท/ลิตร ค่าการตลาดของน้ำมันเบนซิน แก๊สโซฮอล และดีเซล เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 2.13 บาท/ลิตร และค่าการกลั่น เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 0.59 บาท/ลิตร
“ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 63 กองทุนน้ำมันมีสินทรัพย์รวม 58,278 ล้านบาท หนี้สินกองทุน 23,560 ล้านบาท โดยฐานะกองทุนน้ำมันสุทธิ 34,718 ล้านบาท แบ่งเป็น บัญชีน้ำมัน 40,966 ล้านบาท บัญชี LPG -6,248 ล้านบาท”