สมาชิกกลุ่มเฟอร์นิเจอร์ในส.อ.ท.วิ่งหาทางออก หลังอียูอนุมัติข้อตกลงเอฟทีเอกับเวียดนาม วอนรัฐควรต่อรองแลกสินค้าเกษตรบางรายการ ยอมรับส่งออกไปตลาดอียูร่วงแน่
นายธนากร เกษตรสุวรรณ รองประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)ซึ่งมีสมาชิกอยู่ในส.อ.ท.จำนวน 150 ราย เปิดเผย”ฐานเศรษฐกิจ”ว่า จากที่รัฐสภาสหภาพยุโรป (อียู) ลงมติด้วยคะแนนเสียง 401-192 อนุมัติข้อตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) กับเวียดนาม ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในเดือนก.ค. นี้ ยอมรับว่าน่าเป็นห่วงอุตสาหกรรมไทย ที่จะแข่งขันกับเวียดนามไม่ได้ในตลาดอียู ซึ่งที่ผ่านมาการพิจาณาเอฟทีเอไทย-อียูก็ล่าช้าไปมาก เนื่องจากไทยไปโฟกัสอุตสาหกรรมเกษตรค่อนข้างมาก ขณะที่ยุโรปก็มีสินค้าเกษตรจำนวนมาก ที่ต้องการผลักดันออกมาขายในประเทศไทย ทั้งผลไม้ เนื้อสัตว์ แต่ไทยไม่เปิดในสินค้ากลุ่มเกษตร
“ในส่วนนี้ก็มองว่าน่าจะตกลงกันได้เป็นรายการๆไปในกลุ่มสินค้าเกษตร คือไทยต้องเปิดและปิดในสินค้าเกษตรบางรายการ และไปสนับสนุนเปิดเอฟทีเอกับสินค้าอุตสาหกรรมบางกลุ่มอย่างเฟอร์นิเจอร์ สิ่งทอ ซึ่งปัจจุบันสินค้าเหล่านี้มีบทบาทอยู่แล้วในตลาดอียู”
ดังนั้นการที่อียูอนุมัติข้อตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) กับเวียดนาม ก็จะทำไห้อียูหันทิศทางไปยังตลาดเวียดนามมากขึ้น ปกติไทยมีมูลค่าการส่งออกเฟอร์นิเจอร์ไปตลาดโลกรวมมูลค่าราว 30,000 ล้านบาทต่อปี โดยไทยส่งออกเฟอร์นิเจอร์ไปยังตลาดอียูรายใหญ่เป็นลำดับ3 และตลาดในประเทศมีมูลค่าราว 20,000 ล้านบาทต่อปี
“เวลานี้ค่อนข้างแน่นอนว่ากลุ่มเฟอร์นิเจอร์จะได้รับผลกระทบจากการส่งออกปี 2563 เพียงแต่ยังมีความโชคดีอยู่บ้างตรงที่เงินบาทอ่อนค่าทำให้ส่งออกในรูปของเงินบาทมีมูลค่ามากขึ้น”
อย่างไรก็ตามทิศทางจากนี้ไปกลุ่มอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์จะต้องรุกไปยังตลาดอเมริกา มากขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากเวลานี้เศรษฐกิจอเมริกาน่าจะดีที่สุด โดยที่ผ่านมาสินค้ากลุ่มเฟอร์นิเจอร์จะรุกตลาดอเมริกาในสัดส่วน 30-40% รองลงมาคือญี่ปุ่นสัดส่วน 25% และไปตลาดยุโรป เป็นลำดับ 3 สัดส่วน 20% ซึ่งภายในครึ่งปีหลังปี2563 สัดส่วนส่งออกไปตลาดอียูจะเริ่มได้รับผลกระทบแล้ว ยังต้องติดตามต่อไปว่าสัดส่วนจะลดลงมากน้อยแค่ไหน ขณะนี้ยังประเมินได้ไม่ชัดเจน