ผู้ว่าฯกทม. อย่าซ้ำเติมประชาชน

05 ม.ค. 2564 | 11:15 น.

ผู้ว่าฯกทม. อย่าซ้ำเติมประชาชน : คอลัมน์ข้าพระบาททาสประชาชน ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3642 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 7-9 ม.ค.2564 โดย...ประพันธุ์ คูณมี


การระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ที่เริ่มขึ้นจากตลาดกลางกุ้งสมุทรสาคร ที่มีผู้ติดเชื้อหลายพันคน และที่ จ.ระยอง จากบ่อนการพนันกลางเมือง ที่มีผู้ติดเชื้อหลายร้อยคน ในเวลาอันรวดเร็ว จนลามไปถึงจังหวัดอื่นๆ เกือบทั่วประเทศขณะนี้ โดยยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติ หรือหยุดยั้งการแพร่ระบาดลงได้นั้น สาเหตุสำคัญเป็นที่ทราบกันดีว่า เกิดจากปัญหาความบกพร่องอย่างร้ายแรงของเจ้าหน้าที่รัฐเสียเอง ต้นตอของเหตุที่ทำให้โควิดปะทุและระบาดขึ้นระลอกใหม่อีกครั้ง ประชาชนต่างมองว่ามาจากปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบโดยแท้ ของคนชั่วจำนวนหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับคนมีสีที่เห็นแก่ผลประโยชน์จากเงินสกปรก หากินกับขบวนการค้าแรงงานต่างด้าว ขนแรงงานลักลอบเข้าเมืองโดยมิได้ผ่านการตรวจคัดกรองหรือกักตัว จนคนเหล่านั้นกลายเป็นผู้แพร่เชื้อในจังหวัดสมุทรสาคร
 

ปัญหาดังกล่าว มาผสมโรงเข้ากับการปล่อยให้เปิดบ่อนการพนันกลางเมืองระยอง ของเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อแลกกับส่วยสินบนจากนายบ่อน โดยปราศจากความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ไม่คำนึงถึงปัญหาและความเสียหายต่อบ้านเมืองที่จะเกิดขึ้น จึงก่อให้เกิดจากการแพร่ระบาดของโควิด สร้างความเสียหายแก่เศรษฐกิจ ก่อความเดือดร้อนแก่ประชาชนไปทั้งประเทศ อย่างมิอาจประเมินได้ว่าจะรุนแรงบานปลาย สร้างความเสียหายไปอีกมากเพียงใด
 

สาเหตุสำคัญของการระบาดระลอกใหม่นี้ จึงเป็นความรับผิดชอบที่รัฐบาลต้องแสดงความรับผิดชอบไปเต็มๆ อย่างมิอาจปฏิเสธได้ เพราะในช่วงเวลาที่ผ่านมา รัฐจะออกประกาศหรือกำหนดมาตรการใดๆ ให้ประชาชนปฏิบัติ ประชาชนทุกคนต่างให้ความเคารพและให้ความร่วมมือ ปฏิบัติตามประกาศ ข้อกำหนดและกฎหมายโดยเคร่งครัดไม่เคยหือ หรือโต้แย้งแม้แต่น้อย จะลำบากเดือดร้อนเพียงใดก็ไม่ปริปากบ่น หรือออกไปผสมโรงกับพวกม็อบขับไล่รัฐบาล เรียกว่ายอมทนทุกอย่างเพื่อหยุดเชื้อเพื่อชาติ เมื่อปรากฏว่าวันนี้ มีพวกเจ้าหน้าที่รัฐประพฤติชั่ว ทำผิดกฎหมายด้วยความตั้งใจ เพียงเพราะเห็นแก่เศษเงินด้วยความโลภ


แต่รัฐกลับปกป้องและโยนภาระความเดือดร้อนมาให้ประชาชนแบกรับเช่นนี้ มันสมควรและยุติธรรมกับประชาชนแล้วหรือ เพราะความละโมบเห็นแก่ได้โดยปราศความรับผิดชอบของคนหยิบมือเดียว กลายเป็นทำให้ประชาชนที่ตั้งใจทำมาหากินโดยสุจริตต้องเดือดร้อนกันทั้งประเทศ ความรู้สึกของประชาชนโดยทั่วไปยามนี้ จึงมีทั้งความโกรธและไม่พอใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทุกคนล้วนมีคำถามว่า รัฐบาลจะลากคอคนชั่วเหล่านั้นให้มารับโทษทัณฑ์ ชดใช้ความเสียหายที่พวกเขาก่อขึ้นหรือไม่ แทนที่จะมาประกาศบังคับประชาชนให้ปฏิบัติตามมาตรการของรัฐแต่เพียงถ่ายเดียว
 

ถึงแม้ประชาชนจะมีความไม่พอใจอย่างมากเพียงใดก็ตาม แต่เมื่อรัฐบาลขอความร่วมมือและออกประกาศมาตรการต่างๆ ประชาชนทั้งหลายก็ยินดีและยินยอมให้ความร่วมมือปฏิบัติตามอยู่ดี เพราะทุกคนล้วนมีความสำนึกรับผิดชอบต่อบ้านเมือง ไม่ต้องการเห็นสังคมไทยต้องได้รับผลกระทบเสียหายร้ายแรงเช่นประเทศอื่นๆ แต่การจะออกมาตรการใดๆ ก็ดี เจ้าหน้าที่รัฐทั้งหลายก็ควรได้ใช้วิจารณญาณ คำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชนบ้าง คิดถึงหัวอกของคนที่เขาทำมาหากินโดยสุจริตบ้าง ไม่ควรเพิ่มภาระหรือจำกัดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลจนเกินสมควรแก่เหตุ หรือสร้างความเดือดร้อนอันเกินสมควรแก่ประชาชน
 

การที่ผู้ว่าฯกรุงเทพมหานคร อาศัยอำนาจของคณะกรรมการโรคติดต่อ กทม. มีมติให้ร้านอาหารรับลูกค้าเฉพาะบริการกลับบ้านในเวลา 19.00-06.00 น. โดยออกเป็นคำสั่งกรุงเทพมหานครนั้น เป็นการสะท้อนถึงวุฒิภาวะที่ขาดความรอบคอบอย่างยิ่งของ ผู้ว่าฯ กทม. ทั้งๆ ที่ประกาศคำสั่งของ ศบค.และข้อกำหนด ที่ลงนามโดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่เพิ่งประกาศในวันที่ 3 มกราคม 2564 โดยให้มีผลในวันที่ 4 มกราคม 2564 ผ่านไปหมาดๆ ไม่ได้มีข้อกำหนดใดๆ ดังที่ กทม.ประกาศออกคำสั่งแต่อย่างใด


เมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงหากปฏิบัติตามผู้ว่าฯ กทม. ผู้ประกอบการร้านอาหาร ภัตตาคารทั้งหลาย ก็ต้องปิดกิจการลงทั้งหมด ทั้งๆ ที่พวกเขามิได้มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือเป็นต้นตอแห่งการแพร่ระบาดของโรคแต่อย่างใด และหากจะพิจารณาด้วยความเป็นธรรม นับแต่โควิดระบาด ร้านอาหาร ภัตตาคาร ทั้งหลายก็ไม่ปรากฏว่ามีผู้ติดเชื้อจากสถานที่ดังกล่าวแต่อย่างใด แหล่งติดเชื้อมักจะปรากฏว่าเกิดจากผับบาร์ และแหล่งการพนันเป็นส่วนใหญ่ รวมถึงล่าสุดก็คือตลาดกลางกุ้ง
 

การออกคำสั่งดังกล่าว จึงเป็นการออกคำสั่งที่เกินสมควรและเกินความจำเป็น เนื่องการแพร่ระบาดใน กทม. ยังไม่ถึงขั้นที่ต้องล็อกดาวน์ทั้งกรุงเทพฯ จนต้องหยุดงานและปิดกิจการแต่อย่างใด คำสั่งของผู้ว่าฯ กทม.จึงไม่สอดคล้องกับสภาพปัญหาและความเป็นจริงของสถานการณ์ เป็นการเพิ่มภาระหรือจำกัดสิทธิ หรือเสรีภาพของประชาชนจนเกินสมควรแก่เหตุ ขัดและแย้งกับคำสั่งนายกรัฐมนตรี ผอ.ศบค.อย่างชัดแจ้ง จึงสมควรแล้วที่นายกรัฐมนตรีต้องรีบออกมาเบรกคำสั่ง ผู้ว่าฯ กทม.มิให้มีผลสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชน และลูกจ้าง พนักงาน ที่เกี่ยวข้องหลายแสนหลายล้านคน ที่ต้องมาพลอยรับกรรมที่ตนมิได้ก่อ
 

กรณีคำสั่งผู้ว่าฯ กทม.ดังกล่าว คือตัวอย่างหนึ่งของการออกคำสั่งที่เป็นการซ้ำเติมประชาชน เพิ่มภาระ จำกัดสิทธิเสรีภาพประชาชน อันเกินสมควรแก่เหตุ บรรดาผู้ว่าราชการทั้งหลาย และ ศบค.จึงพึงระมัดระวังและโปรดพึงสังวรณ์ไว้ด้วยว่า การระบาดรอบนี้แตกต่างอย่างยิ่งกับรอบแรก การจะออกมาตรการหรือประกาศอะไร ควรคำนึงถึงสิทธิ เสรีภาพ ประชาชนตามกฎหมายรัฐธรรมนูญด้วย อย่าคิดว่าประชาชนต้องก้มหัวปฏิบัติตามแต่ถ่ายเดียว หากเป็นการซ้ำเติมประชาชนจนเกินสมควรแก่เหตุ รัฐบาลอาจเจอแรงต้านที่มิอาจคาดถึงได้
 

อย่าทำตนให้รัฐเป็นผู้ก่อปัญหาเสียเอง ซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน จนปัญหาบานปลายยากแก่การแก้ไข