กรณีการวินิจฉัยตีความสถานภาพของธนาคารกรุงไทยว่าเป็นรัฐวิสาหกิจหรือไม่ ซึ่งภายหลังมีผู้เสนอแนะให้กฤษฎีกาทำงานให้แน่นแฟ้นกับรัฐบาลก่อนมีคำวินิจฉัยนั้น โฆษกสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ออกมาชี้แจงแล้ววานนี้ (26 พ.ย.)ว่า การให้ความเห็นทางกฎหมายของคณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นการวินิจฉัยเฉพาะในประเด็นข้อกฎหมายที่ได้รับการหารือ ไม่ใช่การชี้ขาดตัดสินอย่างศาล ยันไม่ขอแจ้งผลวินิจฉัยล่วงหน้า หรือหารือครม.ก่อนมีคำวินิจฉัยตามข้อเสนอแนะ เพื่อปิดช่องการแทรกแซงทางการเมือง
นายนพดล เภรีฤกษ์ โฆษกสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ออกหนังสือชี้แจงกรณีมีข้อเสนอแนะสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ว่าควรหารือกับคณะรัฐมนตรีก่อนที่จะมีคำวินิจฉัยความเห็นทางกฎหมายในเรื่องต่าง ๆ เนื้อหาระบุว่า
ตามที่สื่อมวลชนได้เสนอข่าวว่า คณะกรรมการกฤษฎีกาควรทำงานที่แน่นแฟ้นกับรัฐบาล และควรบอกกล่าวคณะรัฐมนตรีล่วงหน้าก่อนที่จะมีคำวินิจฉัยออกมา นั้น
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ขอเรียนชี้แจง ดังนี้
1.การให้ความเห็นทางกฎหมายของคณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นการวินิจฉัยเฉพาะในประเด็นปัญหาข้อกฎหมายและเฉพาะประเด็นที่หน่วยงานของรัฐ ผู้รับผิดชอบกฎหมายได้หารือเท่านั้น ไม่วินิจฉัยนอกประเด็น โดยในการให้ความเห็นทางกฎหมายนั้น จะเป็นการให้ความเห็นทางกฎหมายที่อยู่บนพื้นฐานของหลักกฎหมาย และความเห็นนั้นเป็นการให้คำปรึกษา ไม่ใช่การวินิจฉัยชี้ขาดตัดสินคดีอย่างศาล และที่สำคัญการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการกฤษฎีกายึดหลักความเป็นกลางทางการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. สำหรับกรณีมีผู้แสดงความคิดเห็นว่าสมควรให้แจ้งผลการให้ความเห็นทางกฎหมายล่วงหน้า หรือควรหารือกับคณะรัฐมนตรีก่อนที่จะมีคำวินิจฉัยนั้น เป็นเรื่องที่สำนักงานฯ ไม่เคยดำเนินการและจะไม่ดำเนินการเพราะเป็นการเปิดช่องให้มีการแทรกแซงทางการเมืองได้
จึงเรียนมาเพื่อทราบทั่วกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
"ดร.พิสิฐ" ติงกรณีการตีความสถานภาพ ธ.กรุงไทย
"มาดามเดียร์" เผย กมธ. สั่งสอบหาความจริงเพิ่มปมกรุงไทยพ้นรัฐวิสาหกิจ
คลังเสนอให้กรุงไทยเป็นหน่วยงานของรัฐ
พนักงานแบงก์ KTB พ้นสภาพรัฐวิสาหกิจ
อนาคตกรุงไทยหลังพ้นรัฐวิสาหกิจ
แม้ว่าโฆษกสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา จะไม่ได้ระบุว่า การวินิจฉัยประเด็นข้อกฎหมายที่มีผู้เสนอมาว่าคณะกรรมการกฤษฎีกาควรมีการหารือกับคณะรัฐมนตรีก่อนนั้นคือเรื่องใด แต่ก่อนหน้านี้ ได้มีการนำเสนอข่าวผ่านสื่อมวลชนอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับกรณีเมื่อวันที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมา ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ได้ทำหนังสือชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เกี่ยวกับกรณีที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ได้หารือขอความเห็นจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับสถานภาพของกองทุนฯ และธนาคารกรุงไทย
โดยสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้แจ้งผลการพิจารณาว่า ธนาคารกรุงไทย ไม่มีลักษณะเป็นบริษัทหรือบริษัทมหาชนจำกัดที่เป็นรัฐวิสาหกิจตาม (2) และ (3) ของบทนิยามคำว่า "รัฐวิสาหกิจ" ในมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ.2561ซึ่งทางธนาคารเห็นว่า การเปลี่ยนสถานภาพของธนาคารตามความเห็นข้างต้น อาจมีผลต่อการดำเนินธุรกิจของธนาคาร และต่อการปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับรัฐวิสาหกิจหลายฉบับ
ประเด็นดังกล่าวก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง รวมทั้งได้เกิด ข้อเสนอแนะของดร.พิสิฐ ลี้อาธรรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ที่ระบุว่า กฤษฎีกาควรทำงานแน่นแฟ้นกับรัฐบาลให้มากกว่านี้ ควรมีการหารือ พร้อมชี้ให้เห็นถึงความไม่สมบูรณ์ในระบบบริหารราชการ ซึ่งรัฐวิสาหกิจไม่ควรซ่อนอยู่ในกฎหมายงบประมาณแผ่นดิน