ค่าเงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 36.93 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 37.02 บาทต่อดอลลาร์ฯ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทอ่อนค่าลงในช่วงแรก สอดคล้องกับภาพการเคลื่อนไหวของสกุลเงินในฝั่งเอเชียที่ผันผวนในกรอบอ่อนค่าช่วงปลายสัปดาห์ นำโดย เงินเยน ซึ่งทำสถิติอ่อนค่าสุดนับตั้งแต่ช่วงกลางปี 2533 หลังจากธนาคารกลางญี่ปุ่นคงดอกเบี้ยนโยบายและการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นไว้ตามเดิม
อย่างไรก็ดี เงินบาทฟื้นตัวกลับมาได้ในช่วงปลายตลาดและแข็งค่าหลุดระดับ 37.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ซึ่งคาดว่า อาจได้รับอานิสงส์บางส่วนจากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลก สำหรับทิศทางฟันด์โฟลว์ในวันนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิพันธบัตรและหุ้นไทย 2,038 ล้านบาท และ 823 ล้านบาท ตามลำดับ
ส่วนค่าเฉลี่ย Indicative forward points ของธุรกรรมระยะ 3 เดือนสำหรับผู้ประกอบการที่มีรายได้ 50-200 ล้านบาทต่อปี รายงานข้อมูล ณ 10.00 น. วันที่ 24 เมษายน 2567 จากเว็บไซต์ ธปท. อยู่ที่ -27.86 สำหรับผู้ส่งออก (ขายเงินดอลลาร์ฯ ล่วงหน้า) และที่ -24.63 สำหรับผู้นำเข้า (ซื้อเงินดอลลาร์ฯ ล่วงหน้า)
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในสัปดาห์ถัดไป (29 เม.ย.-3 พ.ค.) ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 36.70-37.30 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุม FOMC (30 เม.ย.-1 พ.ค.) ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ตัวเลขการส่งออกไทยเดือนมี.ค. การเคลื่อนไหวของค่าเงินเอเชียและราคาทองคำในตลาดโลก
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชน ดัชนี PMI และ ISM ภาคการผลิต/ภาคบริการ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร และอัตรการว่างงานเดือนเม.ย. ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงานเดือนมี.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์