สภาถก“ค่าโง่โฮปเวลล์”เสนอตั้ง“วิชา มหาคุณ”สอบย้อนหลัง

03 ก.ย. 2563 | 07:56 น.

สภาถกปัญหา“ค่าโง่โฮปเวลล์” พบทุจริตเพียบ โครงการโมฆะตั้งแต่เริ่มต้น “หมอระวี”เสนอนายกฯตั้ง “วิชา มหาคุณ” เป็นหัวหน้าทีมตรวจสอบย้อนหลังทั้งหมด

 

วันนี้(3 ก.ย.63) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้พิจารณารายงานการศึกษา เรื่อง “การปฏิบัติตามกฎหมายของโครงการก่อสร้างทางรถไฟยกระดับและถนนยกระดับในเขตกรุงเทพมหานคร และการใช้ประโยชน์ที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (โฮปเวลล์)”  ซึ่งคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน พิจารณาเสร็จแล้ว  

 

ทั้งนี้ ในรายงานของคณะกรรมาธิการฯ ได้สรุปว่า ผลการศึกษาของคณะกรรมาธิการพบว่า มีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเบื้องต้นที่เป็นพิรุธบ่งชี้ให้น่าเชื่อว่ามีการกระทำอันมีลักษณะเป็นการทุจริตประพฤติมิชอบของผู้เกี่ยวข้องกับโครงการโฮปเวลล์มาตั้งแต่ต้นจนปัจจุบัน ทั้งภาคการเมือง ภาครัฐ และเอกชน ซึ่งอาจจะมีผลต่อความผูกพันตามสัญญาสัมปทานโครงการโฮปเวลล์ และการปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด

 

โดยเฉพาะควรตรวจสอบและทบทวนจำนวนเงินค่าใช้จ่ายในการดำเนินการโครงการโฮปเวลล์ของ บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ตามหลักฐานใบเสร็จรับเงินที่ บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด อ้างอิงและนำ มาประกอบคำเสนอข้อพิพาทต่ออนุญาโตตุลาการให้มีความถูกต้อง เนื่องจากพบว่าการเมื่อการรถไฟแห่งประเทศไทยทำการตรวจสอบแล้ว ปรากฎว่ามีจำนวนเงินตามใบเสร็จรับเงินที่ถูกต้องเพียงประมาณ 1,732 ล้านบาทเท่านั้น  

 

นอกจากนี้ เพื่อเป็นการรักษาผลประโยชน์สูงสุดของแผ่นดินและของประชาชน คณะกรรมาธิการขอเสนอแนะให้รัฐบาลพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายกับ บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด และบุคคลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยควรที่จะให้หน่วยงานภาครัฐที่มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และพยานหลักฐานต่าง ๆ และดำเนินการตามกฎหมายต่าง ๆ กับผู้กระทำความผิด

 

หากพบข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่เพียงพอ ควรให้กระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกรณีโครงการโฮปเวลล์ทั้งหมด ตรวจสอบและทบทวนการดำเนินการต่าง ๆ ของตนเองว่ามีข้อบกพร่องหรือผิดพลาดประการใดบ้าง และให้หน่วยงานดังกล่าวดำเนินการแก้ไขข้อบกพร่องหรือผิดพลาดนั้นโดยด่วนที่สุด

 

นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ อภิปรายว่า โครงการก่อสร้างโฮปเวลล์มีปัญหาว่าจะเป็นโมฆะ เช่น การยื่นซองประมูลที่มีผู้ยื่นซองเพียงรายเดียว คือ บริษัทโฮปเวลล์ โฮลดิ้ง (ฮ่องกง) ขัดต่อกฎหมายพัสดุ อีกทั้งบริษัทโฮปเวลล์เป็นนิติบุคคลต่างด้าวที่ไม่สามารถประกอบธุรกิจขนส่งได้ โดยไม่ได้รับการยกเว้นตามกฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว เป็นต้น แม้จะมีการจดทะเบียนในประเทศไทย แต่ก็ยังมีสถานะเป็นนิติบุคคลต่างด้าว เพราะมีจำนวนหุ้นกับจำนวนผู้ถือหุ้นมีต่างด้าวเกินกว่าครึ่งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ยังมีการทำสัญญาเมื่อปี 2539 ซึ่งทำให้โครงการนี้อาจเป็นโมฆะตั้งแต่เริ่มต้น  

 

ต่อมาปีในปี 2540 คณะรัฐมนตรีมีมติเลิกสัญญากับโฮปเวลล์ เพราะโฮปเวลล์ไม่ได้เร่งทำงานก่อสร้าง ซึ่งเป็นเหตุแห่งการผิดสัญญา แต่ปัญหาอยู่ตรงที่มีการเปลี่ยนเหตุแห่งการยกเลิกสัญญา ให้มาเป็นการยกเลิกสัญญาตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ทั้งๆ ที่ควรบอกเลิกสัญญาด้วยเหตุที่โฮปเวลล์กระทำผิดสัญญา การบอกเลิกสัญญาด้วยเหตุที่โฮปเวลล์ผิดสัญญานั้นจะทำให้โฮปเวลล์รับผิดชอบต่อภาครัฐฝ่ายเดียว เรียกร้องค่าเสียหายจากรัฐไม่ได้ และเรียกร้องงบประมาณที่จ่ายไปแล้วไม่ได้

 

ส่วนการเลิกสัญญาตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จะมีผลแตกต่างกัน คือ คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายกลับคืนสู่ฐานะเดิม โดยไม่มีประเด็นการผิดสัญญาของโฮปเวลล์ ผลประโยชน์ที่รัฐได้มาต้องส่งคืนให้โฮปเวลล์ ก่อให้เกิดสิทธิเรียกร้องค่าใช้จ่ายต่างๆ คืนจากรัฐ และผลประโยชน์ที่โฮปเวลล์ได้รับก็ต้องส่งคืนรัฐ

 

นพ.ระวี กล่าวว่า เมื่อเป็นเช่นนี้จึงเกิดการต่อสู้คดีในชั้นอนุญาโตตุลาการและศาลปกครองสูงสุด โดยโฮปเวลล์เรียกร้องค่าเสียหาย 14,700 ล้านบาท ซึ่งคดีมีการต่อสู้กันมาถึงปี 2562 ที่มีการพิพากษาโดยศาลปกครองสูงสุดให้รัฐต้องจ่ายเงินให้โฮปเวลล์ 24,000 ล้านบาท

 

“กรณีที่เกิดขึ้นถือเป็นตำนานอภิมหาค่าโง่ที่บัดซบที่สุดของประเทศไทย เพราะเขาผิดสัญญาแน่นอน เพียงแต่เราบอกเลิกสัญญาให้ถูกต้องเพื่อให้รัฐไม่ต้องเสียหาย ดังนั้น มีข้อเสนอให้นายกรัฐมนตรีดำเนินการสืบสวนสอบสวนขยายผลให้ได้ข้อเท็จจริง ที่อาจเป็นการทุจริตมิชอบของผู้เกี่ยวข้องย้อนหลังทั้งหมด และดำเนินการทางกฎหมายกับผู้กระทำผิดและบริษัทโฮปเวลล์”  

 

นพ.ระวี กล่าวสรุปว่า นอกจากนี้ ต้องยื่นเรื่องต่อศาลปกครองสูงสุดด้วยข้อมูลหลักฐานใหม่ เพื่อพิจารณาตัดสินใหม่ว่าประเทศไทยไม่ควรผิดในเรื่องนี้ เร่งแก้ไขพ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ และวิธีพิจารณาคดีของศาลปกครอง ไม่เพียงเท่านี้ ควรต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนเลขานุการรมว.คมนาคม ของ นายมนตรี พงษ์พานิช รมว.คมนาคมในเวลานั้น คณะกรรมการดำเนินโครงการโฮปเวลล์ เมื่อปี 2532 เจ้าหน้าที่กรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์ที่รับจดทะเบียนบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ช่วงปี 2533-2541 คณะกรรมการบอกเลิกสัญญาคมนาคม และรมช.คมนาคม ที่เปลี่ยนเหตุแห่งการบอกเลิกสัญญา

 

รวมไปถึงผู้แทนอัยการสูงสุด และ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าและปลัดกระทรวงพาณิชย์ เมื่อปี 2533 มาสอบว่าการจดทะเบียนบริษัท โฮปเวลล์ ประเทศไทย ถูกกฎหมายหรือไม่ โดยขอเสนอให้ นายวิชา มหาคุณ อดีตกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เข้ามาเป็นหัวหน้าคณะทำงานตรวจสอบย้อนหลังทั้งหมด

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังมีการอภิปรายเสร็จ ประธานในที่ประชุมได้ขอมติว่าจะเสนอรายงานดังกล่าวให้กับรัฐบาล คณะรัฐมนตรี และผู้เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการต่อหรือไม่ ปรากฎว่าที่ประชุมไม่มีใครเห็นเป็นอย่างอื่น ทำให้ประธานสรุปว่า ที่ประชุมทั้งหมดเห็นชอบด้วย และจะส่งรายงานฉบับนี้ไปให้ผู้ที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เปิดรายงานกมธ. ศึกษาปม ‘โฮปเวลล์’(1) ชำแหละ 23 ข้อพิรุธ

“นิติธร” คัดค้านจ่ายค่าโง่โฮปเวลล์ 2.4 หมื่นล้าน

ค่าโง่หมื่นล้านโฮปเวลล์ หล่นในมือ ‘เสี่ย อ.’