“นิติธร” คัดค้านจ่ายค่าโง่โฮปเวลล์ 2.4 หมื่นล้าน

03 ก.ย. 2563 | 04:53 น.

ขู่หากรัฐบาลจ่ายเงินค่าโง่โฮปเวลล์ จะชวนมวลชนออกมาประท้วงคัดค้าน พร้อมเดินหน้าตรวจสอบเอาคนผิดมาลงโทษ

จากกรณีที่เมื่อวันที่22 ก.ค.63 ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยืนตามศาลปกครองชั้นต้นไม่รับคำฟ้องของกระทรวงคมนาคมและการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ที่ยื่นขอให้รื้อคดีที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้กระทรวงคมนาคม และ รฟท.ต้องปฏิบัติตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการที่ให้ทั้งสองหน่วยงาน ต้องคืนเงินค่าตอบแทนที่บริษัทโฮปเวลล์ (ประเทศไทย)จำกัด ชำระและใช้เงินในการก่อสร้างโครงการพร้อมดอกเบี้ยราว 2.4 หมื่นล้านบาท ให้กับบริษัทโฮปเวลล์ (ประเทศไทย)จำกัด

โดยศาลปกครองสูงสุดระบุเหตุผลว่า ที่กระทรวงคมนาคมและรฟท. อ้างว่า ศาลปกครองสูงสูดฟังข้อเท็จจริงผิดพลาดคลาดเคลื่อนในประเด็นเกี่ยวกับระยะเวลาในการเสนอข้อพิพาทและการกำหนดประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีนั้น เห็นว่า การกำหนดประเด็นแห่งคดีและปัญหาทั้งหลายที่ต้องวินิจฉัย ตลอดจนการวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับระยะเวลาในการเสนอข้อพิพาทต่ออนุญาโตตุลาการตามที่อ้างนั้นล้วน แต่เป็นการใช้ดุลยพินิจของศาลในการกำหนดประเด็นแห่งคดีและวินิจฉัยปัญหา ตามรูปเรื่องข้อเท็จจริงแห่งคดี ข้ออ้างดังกล่าวจึงมีลักษณะโต้แย้งดุลยพินิจในการพิจารณาพิพากษาของศาล แม้จะเป็นการแตกต่างไปจากความเห็นของผู้ร้องทั้งสอง แต่ก็ไม่ใช่เป็นกรณีที่ศาลฟังข้อเท็จจริงผิดพลาด หรือทำการให้การดำเนินกระบวนการพิจารณาคดีกลายเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่มีข้อบกพร่องสำคัญที่ทำให้ผลของคดีไม่มีความยุติธรรม

และที่อ้างว่าศาลปกครองชั้นต้นไม่มีอำนาจพิจารณาหรือมีคำสั่งเกี่ยวกับคำขอให้พิจารณาคดีใหม่นั้น เห็นว่า คำขอพิจารณาคดีใหม่เป็นคำฟ้องตามนัยมาตรา 3 แห่งพ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง 2542 แต่โดยกฎหมาย ไม่ได้กำหนดว่าการยื่นขอพิจารณาคดีใหม่ต้องยื่นศาลปกครองใด จึงต้องเป็นไปตามหลักกฎหมายทั่วไปว่าด้วยวิธีพิจารณคดีปกครองตามนัยข้อ 5 วรรคสอง แห่งระเบียบที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง 2543 ดังนั้นคำขอพิจารณาคดีใหม่ในคดนี้จึงอยู่ในอำนาจจองศาลปกครองชั้นต้น

ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (3 ก.ย.) นายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความ  ประกาศต่อหน้าสื่อมวลชน หากรัฐบาลจ่ายเงินอันเป็นค่าโง่โฮปเวลล์ให้กับ บริษัท โฮปเวลล์ จำกัด หรือผู้รับช่วงต่อจะนำพี่น้องประชาชนเดินขบวนคัดค้านการกระทำของรัฐบาลดังกล่าวและจะเดินหน้าตรวจสอบทุจริตเอาคนผิดมาลงโทษ