ปั้น Digital Valley @Ubon

24 ก.ค. 2563 | 07:09 น.

ดีป้าร่วมกับ จังหวัดอุบลราชธานี เผยความคืบหน้าการขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะ (Smart City) พร้อมจัดสรรพื้นที่ขนาด 3 ไร่จัดตั้ง Digital Valley @Ubon หวังเป็นระบบนิเวศด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลแห่งใหม่ของจังหวัด

นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่า จังหวัดอุบลราชธานีได้จัดสรรพื้นที่ขนาด 3 ไร่ ภายในศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานีให้  ดีป้า สำหรับจัดตั้ง Digital Valley @Ubon ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวจะเป็นทั้งอาคารสำนักงาน ดีป้า และระบบนิเวศด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลแห่งใหม่ของจังหวัด อีกทั้งเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะตามโครงการเพิ่มศักยภาพการพัฒนาเมืองอัจฉริยะอุบลราชธานี

ปั้น Digital Valley @Ubon

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

“ดีป้า”บุกตราดติดอาวุธดิจิทัลท่องเที่ยว-บริการ

“บิ๊กป้อม” เร่งตั้ง คกก.ขับเคลื่อนสมาร์ทซิตี

ดึง 3 กลุ่มทุนใหญ่พลิกโฉม “เมืองขอนแก่น”

 

ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา ดีป้า พร้อมด้วย จังหวัดอุบลราชธานี ได้ดำเนินกิจกรรมขับเคลื่อนโครงการเมืองอัจฉริยะ (Smart City) อุบลราชธานีมาอย่างต่อเนื่อง ตามนโยบายของคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะที่มี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ผ่านการสร้างความรู้ความเข้าใจให้ทุกภาคส่วน พร้อมส่งเสริมและสนับสนุนให้กลุ่มวิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการในพื้นที่ยกระดับธุรกิจด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัด เพิ่มรายได้ ควบคู่ไปกับการยกระดับคุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ในมิติต่าง ๆ

ขณะที่ นายธวัชชัย โคตรวงษ์ ผู้อำนวยการเขตพื้นที่ภาคอีสาน ดีป้า กล่าวว่า จังหวัดอุบลราชธานี คือหนึ่งใน 40 พื้นที่ประกาศเขตส่งเสริมเมืองอัจฉริยะ ประเภทเมืองเดิมน่าอยู่ และเมืองใหม่ทันสมัย โดยมีการกำหนดเขตพื้นที่ที่มีความพร้อมและศักยภาพสำหรับการพัฒนาเมืองอัจฉริยะให้เป็นเขตพื้นที่นำร่อง เพื่อดำเนินการเสนอขอสิทธิประโยชน์ตามหลักเกณฑ์และจัดทำข้อเสนอเพื่อขอรับรองให้เป็นเมืองอัจฉริยะ จำนวน 4 เมือง ประกอบด้วย เขตพื้นที่อำเภอเมืองอุบลราชธานี (เมืองเดิม) และ 3 เขตพื้นที่เมืองใหม่ใน อำเภอโขงเจียม อำเภอสิรินธร และเขตการค้าชายแดนช่องเม็ก โดยมุ่งเน้นการพัฒนาในทุกภาคส่วนทั้งด้านสิ่งแวดล้อมอัจฉริยะ (Smart Environment) เศรษฐกิจอัจฉริยะ (Smart Economy) การเดินทางและขนส่งอัจฉริยะ (Smart Mobility) และพลเมืองอัจฉริยะ (Smart People) รวมถึงสร้างศักยภาพด้านการแข่งขันด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลในพื้นที่ เพื่อเป็นศูนย์กลางในการเรียนรู้ จัดแสดงผลงานของผู้ประกอบการดิจิทัลในเขตอีสานตอนล่าง และเตรียมความพร้อมในการพัฒนาเขตพื้นที่การค้าชายแดนให้เป็นแหล่งการค้าการลงทุนเชื่อมโยง 4 ประเทศ ได้แก่ ไทย ลาว กัมพูชา และเวียดนาม เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ

นอกจากนี้ ภายในงานแถลงข่าว ผู้แทน ดีป้า ได้ร่วมชี้แจงแนวทางการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ผ่านมาตรการช่วยเหลือหรือการอุดหนุนการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลในชนบท (depa Digital Transformation Fund for Community) และมาตรการคูปองดิจิทัลเพื่อการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล (depa mini-Transformation Voucher)

โดยการส่งเสริมและสนับสนุนให้วิสาหกิจชุมชนประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลสมัยใหม่ถือเป็นก้าวสำคัญของการพัฒนาพื้นที่ เพื่อยกระดับการบริหารจัดการให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ตัวอย่างเช่น การใช้ระบบโรงเรือนอัจฉริยะ (Smart Farm) ในการเพาะปลูกที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการดูแลผลผลิต ป้องกันศัตรูพืช ควบคุมปริมาณการให้น้ำ ปุ๋ย อุณหภูมิ และแสงสว่างได้อย่างแม่นยำ ลดต้นทุน ขณะเดียวกัน ผลผลิตมีคุณภาพตรงตามความต้องการของตลาด ขายได้ราคาดี และเมื่อเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มการจำหน่ายออนไลน์จะทำให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงลูกค้าได้โดยตรง