ผลกระทบจากโควิด-19 นอกจากทำให้ผู้คนทั่วโลกติดเชื้อและเสียชีวิตจำนวนมากแล้ว ยังกระทบเศรษฐกิจ การค้าโลกหดตัว จากการเดินทางติดต่อธุรกิจยังสะดุด การขนส่งสินค้ายังมีอุปสรรค และกำลังซื้อของผู้บริโภคทั่วโลกลดลง เวลานี้แม้สถานการณ์โควิดภาพรวมคลี่คลายลง แต่อีกหลายประเทศกลับมาระบาดรอบสอง คาดจะยังส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทยต่อไป
นางสาวกัณญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ภาคการส่งออกไทยยังมีปัจจัยเสี่ยง 5 อันดับแรก ประกอบด้วย 1.สถานการณ์โควิด-19 ที่ส่งผลให้กำลังซื้อของทุกประเทศถั่วโลกถดถอย ลดการนำเข้า ที่เห็นได้ชัดต่อการส่งออกของไทยที่ลดลงอย่างมาก เช่นในกลุ่มสินค้ายานยนต์และชิ้นส่วน อัญมณีและเครื่องประดับ ที่เป็นกลุ่มสินค้ามีราคาสูง
2.ค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯกระทบกับความสามารถในการแข่งขันส่งออก จากสินค้าไทยมีราคาสูงขึ้นตามค่าเงิน 3.ปัญหาสภาพคล่องจากผลกระทบโควิด-19 ลูกค้าต่างประเทศยกเลิกกำสั่งซื้อ หรือเลื่อนการชำระเงินค่าสินค้า ขอกู้เงินจากสถาบันการเงินก็ยังถูกคุมเข้มตามเงื่อนไขปกติ ทำให้เข้าไม่ถึงแหล่งเงิน
4.สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนที่ยังอึมครึมในทิศทางที่จะทำสงครามกันต่อ ส่งผลกระทบทั้งด้านลบและด้านบวกต่อการส่งออกสินค้าไทย และ 5.สถานการณ์ทางการเมืองทั้งในและต่างประเทศที่ไม่นิ่ง กระทบความเชื่อมั่นการค้า การลงทุน
“เรื่องค่าเงินบาทอยากให้แบงก์ชาติดูแลให้อยู่ที่ระดับ 33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ หรือไม่แข็งค่าไปมากกว่าสกุลอื่นในภูมิภาค เพราะไม่เช่นนั้นรายได้ส่งออกรูปเงินบาทจะหดหายไปมาก เรื่องสภาพคล่องขอให้สถาบันการเงินผ่อนปรนเงื่อนไขให้เข้าถึงแหล่งเงินมากขึ้น อย่างไรก็ดีสินค้าไทยที่ยังขยายตัวต่อเนื่องในเวลานี้อยู่ในกลุ่มอาหาร ยางพารา ผลิตภัณฑ์ยาง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์คอมพิวเตอร์จาก Work From Home และค้าออนไลน์มากขึ้น ส่วนกลุ่มที่ส่งออกได้ลดลงและยังน่าห่วงคือ รถยนต์ อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องนุ่งห่ม และผลิตภัณฑ์พลาสติก เป็นต้น ทั้งปีนี้ สรท.ยังคงคาดการณ์ส่งออกไทยไว้ที่ติดลบ 8%”
หน้า 9 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,585 วันที่ 21 - 24 มิถุนายน พ.ศ. 2563