เดินตามแผน “บิ๊กตู่” ปั้นข้าวกข79 ป้อนตลาดโลก

13 มิ.ย. 2563 | 06:48 น.

"ปราโมทย์ “ปลุกชีพ” กข79 เดินตามฝัน “บิ๊กตู่” ปั้นข้าวนุ่ม แข่งชิงแชร์ตลาดข้าวโลก หวังอนาคตทดแทนข้าวหอมพวง ต้องสิ้นแผ่นดินไทย นายกโรงสีฯห่วงเกษตรกรนอกโครงการ ราคาแตกต่าง อยากให้การซื้อขายเป็นธรรมชาติมากกว่า

จากการที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้มาลงมาพบกับสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย นอกจากจะสั่งการให้ชาวนาชี้เป้าพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อให้เกษตรมีความยั่งยืนแล้ว ยังแนะนำให้ชาวนาปลูกข้าวนุ่ม ชี้เป็นความต้องการตลาดโลกด้วย

เดินตามแผน “บิ๊กตู่” ปั้นข้าวกข79 ป้อนตลาดโลก

นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ทางสมาคมจึงได้ร่วมมือกับกรมการข้าว ทำแปลงใหญ่ เป็นกข79 (CNT07018-26-1-1-1)  ซึ่งมีอายุอยู่ที่ 120 -130 วัน  โดยวิธีปักดำ เมล็ดเรียวยาว ท้องไข่น้อย (ลักษณะคล้ายข้าวหอมมะลิ) เป็นข้าวอมิโลสต่ำ 16.82% หุงสุกแล้วหอมชวนชิึ ข้าวเนื้อนุ่ม ให้ผลผลิตสูงเฉลี่ย 809 กิโลกรัมต่อไร่ ดังนั้น สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย จึงอาสานำสมาชิกจากแหล่งปลูกข้าวคุณภาพเยี่ยม จังหวัดอยุธยา กำแพงเพชร เข้าร่วมโครงการเพาะปลูกข้าวพื้นนุ่มกข79 รวมพื้นที่กว่า 6,000 ไร่เพื่อสร้างเสริมเศรษฐกิจยุค New Normal ให้เกษตรกรได้มีพันธุ์ข้าวที่มีคุณภาพดีสอดคล้องกับความต้องการของตลาด และเพิ่มโอกาสการแข่งขันให้กับผู้ส่งออกข้าวเพื่อทำตลาดในต่างประเทศ ได้ ในเร็วๆ นี้ทางสมาคม เชิญสมาคมโรงสีข้าวไทย และสมาคมส่งออกข้าวไทยเพื่อมาหารือ เมื่อส่งเสริมให้ชาวนาปลูกแล้วจำเป็นทีจะต้องมีตลาดรองรับ  เป็นคนละโครงการไม่เกี่ยวกับนโยบายของคุณประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 2 หมื่นไร่

เดินตามแผน “บิ๊กตู่” ปั้นข้าวกข79 ป้อนตลาดโลก

“ข้าวกข79 ตอบโจทย์ความต้องการ ทุกมิติ ได้แก่ด้านตลาดในประเทศ ที่ต้องการข้าวนุ่มหอม คล้ายข้าวหอมมะลิในราคาที่จับต้องได้ด้านตลาดส่งออก สำหรับตลาดใหม่ ที่ต้องการราคาปานกลางและมีคุณภาพดี เพราะข้าวไทยมีลูกค้าประจำทั่วโลก เท่ากับกข79 มาอุดช่องว่าง เพื่อทำตลาดในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีน ฮ่องกง และตลาดอาเซียน เช่น อินโดนีเซีย สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์งด้านความต้องการด้านโรงสี ในขบวนการผลิตมีคุณภาพเมล็ดทางกายภาพดีด้านชาวนาในการมี ข้าวเจ้าพื้นนุ่มพันธุ์ใหม่ที่ให้ผลผลิตสูง สามารถเพาะปลูกได้ตลอดทั้งปี สอดคล้องกับความต้องการของผู้ประกอบการส่งออกที่ต้องการข้าวเจ้าพื้นนุ่มจำนวนมาก เป็นนโยบายของนายกรัฐมนตรี ที่สมาคมเห็นด้วยที่จะเดินตาม”

นอกจากนี้หากปลูกต่อไปเรื่อยๆ แล้วมีการขยาย ข้าวหอมพวงจะต้องไม่มีในแผ่นดินไทยอีกต่อไป และอยากให้กรมการข้าวเร่งรัดข้าวเบอร์4 ออกมาโดยเร็วที่สุด เพราะข้าวเบอร์4 ดีทั้งอายุวันเก็บเกี่ยว หอมนุ่มอร่อย ดังนั้นของดีๆ ไม่ควรเก็บไว้ ควรจะออกมารับรองพันธุ์โดยเร็วที่สุด

“ฐานเศรษฐกิจ” ได้สอบถามไปที่กรมการข้าว ข้าวเบอร์4 ที่ชาวนาเรียกร้อง คือ ข้าวอะไร มีความเป็นมาอย่างไร

ประวัติข้าวสายพันธุ์ PTT03019-18-2-7-4-1 ได้จากการผสมพันธุ์ระหว่าง สายพันธุ์ SPR90033-26-3-2-3-1 กับพันธุ์พิษณุโลก 2 ในฤดูนาปี2546 ที่ศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานีปลูกคัดเลือกแบบสืบประวัติในประชากรชั่วที่2ถึง6 (F2-F6)ตั้งแต่ฤดูนาปี2547ถึงฤดูนาปี2549 ที่ศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานีจนได้สายพันธุ์ PTT03019-18-2-7-4-1 น่าจะเป็น กข87

สาเหตุที่เรียกข้าวชนิดนี้ว่าเบอร์4 มาจากชื่อสายพันธุ์ PTT03019-18-2-7-4-1 ตอนแรก ตัวสุดท้ายคือเลข -4 แต่เอามาคัดอายุสั้นอีกรอบ ชื่อสายพันธุ์ ตัวสุดท้ายเลยเป็น -1 แต่เค้าเรียกติดปากมาก่อนว่าเบอร์ 4

เดินตามแผน “บิ๊กตู่” ปั้นข้าวกข79 ป้อนตลาดโลก

นายเกรียงศักดิ์ ตาปนานนท์ นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมาจะได้ยินข่าวในเรื่องข้าวหอมพวง เกษตรกรนิยมปลูก ไม่ทราบที่มาของเมล็ดพันธุ์ แล้วก็มีการปลูกเป็นจำนวนมาก ซึ่งลักษณะของข้าวหอมพวงอายุสั้น ผลผลิตดี  แล้วก็เป็นข้าวนุ่ม แต่เป็นพันธุ์ข้าวที่ไม่ทราบแหล่งที่มา กรมการข้าวไม่ได้รับรองพันธุ์ ถ้าเกษตรกขยายไปเรื่อยๆ ก็จะมีปัญหาข้าวล้นตลาดก็จะไปสู่การส่งออกที่ยากลำบาก เพราะเป็นข้าวเมล็ดสั้น แล้วก็ตอนนี้ก็คิดว่าพันธุ์ที่จะตอบโจทย์เกษตรกรยังไม่มี แม้ว่าในปัจจุบันมีพันธุ์ข้าวพื้นนุ่มหลายพันธุ์มีจริงอยู่

แต่ไม่ตอบโจทย์เรื่องผลผลิต เรื่องอายุ ซี่งตอนนี้ก็มีพันธุ์ข้าวพื้นนุ่มที่พอจะตอบโจทย์ความต้องการของชาวนาที่กรมการข้าวรับรองพันธุ์ก็คือ “กข79” ซึ่งเป็นพันธุ์ข้าวพื้นนุ่ม ผลผลิตดี แต่เนื่องจากที่ผ่านมาได้มีการทดลองปลูกในนาของแปลงเกษตรกร ก็มีปัญหาเรื่องรอบการเพาะปลูกยาว จาก 115 วัน เป็น 130-140 วัน ทำให้เป็นอุปสรรคต่อเกษตรกร เพราะมีรอบการเพาะปลูกที่ยาวเกินไป อาจจtทำให้ไม่ถูกใจ ที่สำคัญก่อนหน้านี้ก็ได้มีการส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกไปบ้างแล้วถ้ารายใดต้องการข้าวสารก็ไปหาซื้อในตลาดได้ เพราะว่าหากว่ามีการส่งเสริมให้ปลูกเป็นกรณีพิเศษ แล้วตลาดที่ได้ส่งเสริมให้เกษตรกรไปปลูกก่อนหน้านี้ จะทำให้ราคาเกิดความแตกต่างกันหรือไม่

“เพราะการส่งเสริมในกรณีพิเศษจะต้องมีการจูงใจที่ราคา แล้วชาวนาที่อยู่นอกโครงการจะทำอย่างไร เพราะความจริงมีเกษตรกรได้นำเมล็ดพันธุ์ได้ไปปลูกแล้วในหลายพื้นที่ แล้วสินค้าตัวนี้ได้ออกสู่ตลาดโดยปกติอยู่แล้ว แล้วผู้ที่ต้องการใช้ก็สามารถจะหาซื้อได้ในตลาด จะทำให้เกิดการแข่งขันระหว่างคนที่มีความต้องการใช้ก็จะเกิดแรงดึงในตลาด  หรือใครอยากจะทดลองนำไปขายก็สามารถขอตัวอย่างจากโรงสีที่สีแปรสภาพกข79 เอาไปทดลองขาย ได้ ซึ่งในความเป็นจริงชาวนาจะปลูกข้าวพันธุ์อะไร โรงสีรับซื้อข้าวหมด”

ปัจจุบันมีผู้ส่งออกได้นำข้าวสารไปส่งออกบ้างแล้วกว่า 400 ตันในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งการส่งออกได้ไปส่งในข้าวสาร 100% ชั้น2 (White Rice) ซึ่งต่อไปหากมีมาตรฐานข้าวนุ่มเข้ามารับรองตลาดจะรับรู้ถึงชนิดข้าวดังกล่าว เป็นมาตรฐานสมัครใจ ซึ่งปัจจุบันทางกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) กระทรวงพาณิชย์อยู่ในการดำเนินการที่จะกำหนดมาตรฐานข้าวนุ่มตั้งทีมงานเพื่อศึกษาในรายละเอียด และกำลังร่างมาตรฐานข้าวนุ่ม

ก็ต้องไปศึกษาข้าวนุ่มที่เพาะปลูกจริงในแปลงเกษตรกรจริง และข้าวจากโรงสีที่ได้สีแปรแล้ว จนถึงพันธุ์ข้าวกข79 จากกรมการข้าว เพื่อจะดูค่าอมิโลส ค่าเบี่ยงเบนต่างๆ มีมากน้อยแค่ไหน เพื่อที่จะเป็นข้อมูลในการประกอบพิจารณาและการตัดสินใจในการพิจารณา ซึ่งมาตรฐานข้าวนุ่ม เพื่อให้ผู้ส่งออกได้ไปแนะนำสินค้า จะได้ประโยชน์ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย โดยมีกรมการค้าต่างประเทศเป็นผู้รับรอง และจัดเป็นชั้นหนึ่งในการส่งออกข้าวไทยให้ทั่วโลกรับทราบว่าประเทศไทยมีมาตรฐานข้าวนุ่มเพิ่มอีก