สถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด -19 ในประเทศไทยประจำวันที่ 7 มิถุนายน 2563 มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 8 ราย เป็นคนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ(สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 5 ราย, คูเวต 2 ราย, อินเดีย 1 ราย)และเข้ารับการเฝ้าระวังในสถานที่รัฐจัดให้
มีผู้ป่วยกลับบ้านได้ 1 ราย ยอดผู้ป่วยกลับบ้านสะสม 2,972 ราย หรือคิดเป็น 95.5 % ของผู้ป่วยทั้งหมด มีผู้ป่วยที่ยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 82 ราย หรือ 2.63 % ของผู้ป่วยทั้งหมด ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมผู้เสียชีวิตสะสม 58 ราย ผู้ป่วยสะสมทั้งสิ้น 3,112 ราย
สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่ในช่วงนี้กว่า 98 % เป็นคนไทยที่เดินทางมากลับมาจากต่างประเทศและเข้าระบบเฝ้าระวังในสถานที่รัฐจัดให้ ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่เดินทางมาจากประเทศที่มีประชากรหนาแน่น อัตราป่วยสูง คือ คูเวต ซาอุดิอาระเบีย อินโดนีเซีย ปากีสถาน และกาตาร์ เป็นต้น
ขณะที่ในภาพรวมสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด -19 ในประเทศไทยไม่มีผู้ติดเชื้อภายในประเทศต่อเนื่องเป็นเวลา 13 วันแล้ว และภายหลังมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 3 (วันที่ 1 มิถุนายน 2563) เป็นเวลา 7 วัน ยังไม่พบผู้ติดเชื้อภายในประเทศ เป็นผลมาจากความร่วมมือร่วมใจของประชาชนและผู้ประกอบการที่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งการเว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ และการสวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้าเมื่อออกนอกบ้าน โดยเฉพาะเมื่อไปในสถานที่ชุมชน หรือใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะ ซึ่งสอดคล้องกับคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2563 ที่ระบุไว้ว่า การสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า เมื่ออยู่นอกเคหะสถานนั้น “เป็นหนึ่งในวิธีซึ่งมีประสิทธิภาพ” ในการลดความเสี่ยงติดเชื้อและแพร่เชื้อโรค โดยยังต้องรักษาสุขอนามัย คือ การล้างมือให้ถูกวิธี และการรักษาระยะห่างจากผู้อื่นให้เป็นปกติสม่ำเสมอ
ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศบค.) ขอแนะนำประชาชนกลุ่มเสี่ยงโดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ขอให้ดูแล ป้องกันตัวเองและปฏิบัติการตามมาตรการอย่างเคร่งครัด ขอให้อยู่บ้าน รับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างต่อเนื่อง เพราะหากติดเชื้อจะมีอาการรุนแรงและมีอัตราการเสียชีวิตสูง
เนื่องจากมีการวิจัยในประเทศจีน ศึกษาผู้ป่วยโควิด -19 ที่รักษาในอู่ฮั่นจำนวนเกือบ 3,000 ราย พบว่า ผู้ป่วยที่มีภาวะความดันโลหิตสูงจะมีอัตราการเสียชีวิตถึง 4 % ขณะที่ผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตปกติจะเสียชีวิต 1.1% หรือ เกือบ 4 เท่า และในผู้ป่วยที่หยุดกินยาลดความดันโลหิตมีอัตราเสียชีวิต 7.9 %