วันนี้ ความกังวลเกี่ยวกับการชุมนุมประท้วงที่ฮ่องกงลดลง หลังจากล่าสุด “แคร์รี่ ลัม” หัวหน้าผู้บริหารฮ่องกง ได้ประกาศถอนร่างกฎหมายการส่งผู้ร้ายข้ามแดนที่เป็นต้นเหตุของความไม่สงบทางสังคมในฮ่องกงเป็นเวลาเกือบ 3 เดือน ถือเป็นสัญญาณที่ดีและสะท้อนภาพว่า ปักกิ่ง (ยัง) ไม่ตัดสินใจสลาย “ม็อบ” ในเร็วๆ นี้แน่นอน
ว่ากันตามจริง “ม็อบ” ที่ฮ่องกงเกิดขึ้นเป็นปกติทุกเดือนกรกฎาคม (เดือนครบรอบปีที่อังกฤษส่งมอบเกาะฮ่องกง) อยู่แล้ว ซึ่งจะมีนักศึกษาและฝ่ายประชาธิปไตย นัดกันออกมาชุมนุมเดินขบวนทุกปี แต่ปีนี้ไม่เหมือนทุกๆ ปี เมื่อกระทาชายนายหนึ่งไปเที่ยวเกาะไต้หวันกับแฟนสาวแล้วทะเลาะกัน ฆ่าแฟนตาย...
เมื่อทางไต้หวันขอตัวไปขึ้นศาล แต่กฎหมายฮ่องกงไม่อนุญาตส่งตัวคนฮ่องกงไปขึ้นศาลที่จีนแผ่นดินใหญ่และเกาะไต้หวัน ก็เลยจะให้มีการออกกฎหมายใหม่ให้คนฮ่องกงไปขึ้นศาลไต้หวันได้ จากนั้นก็เริ่มการเคลื่อนไหวประท้วงการออกกฎหมาย โดยใช้ชื่อ “การปฏิวัติร่ม” มี โจชัว หว่อง เป็น “แกนนำ” ก่อนยกระดับการชุมนุมและเพิ่มจำนวนผู้ชุมนุมมากถึงล้านคนเศษในวันนี้
ครูบาอาจารย์เคยสอนว่า อยากรู้อนาคตก็ต้องย้อนไปดูประวัติศาสตร์ แต่เพื่อให้สั้น จดจำง่ายและสอดคล้องกับสถานการณ์ ในที่นี้จะขอเอ่ยถึงโปรตุเกสที่เป็นฝรั่งชาติแรกที่มาฮ่องกงและใช้ฮ่องกงเป็นตลาดการค้าก่อน แต่จักรพรรดิจีนไม่ยอมส่งทหารขับไล่ จนโปรตุเกสย้ายข้ามอ่าวไปยึดมาเก๊า ต่อจากนั้นก็รบกันอีกและโปรตุเกสขอเช่ามาเก๊าทำเป็นบ่อนกาสิโนในเวลาต่อมา
ในยุคที่อังกฤษไล่ล่าอาณาณิคม (ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์) อังกฤษเกิดข้อพิพาทกับจีนในเรื่องการขาดดุลการค้า อังกฤษขนฝิ่นจากอินเดียมาขายที่ฮ่องกงและจีนตอนใต้ จีนไม่ยอมให้ขายฝิ่นอย่างถูกกฎหมาย จึงเกิดสงครามฝิ่นครั้งแรก และต่อจากนั้นไม่นานก็เกิดสงครามฝิ่นอีกครั้ง (ในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5) ทำให้ชาวจีนอพยพออกไปอยู่ต่างประเทศจำนวนมาก และหลายล้านคนเดินทางเข้ามาประเทศไทย
ชาวแต้จิ๋วเดินทางเข้าไทยมากที่สุด กระจายไปทำมากินอยู่ทั่วประเทศ ค้าขายและแต่งงานกันในกลุ่มชาวแต้จิ๋ว รอวันกลับเมืองจีน คำว่า “กากี่นั้ง” จึงใช้เฉพาะชาวแต้จิ๋วเท่านั้น
ชาวไหหลำไปได้ไม่ไกลนัก เข้ามากรุงเทพฯ อยู่แถวสี่พระยา....ส่วนชาวฮกเกี้ยนฐานะดี มีเงินค่าเรือไปได้ไกลกว่า ก็ไปอยู่ทางภาคใต้ของไทย มาเลเซียและอินโดนีเซีย ชาวฮกเกี้ยนเป็นเผ่าชนของจีนอีกกลุ่มหนึ่งที่มีพลเมืองอยู่ทั่วโลกเกือบ 100 ล้านคน มีภาษาของตัวเอง (ฝั่งจีนจะเรียกว่าฮากก้า ฝั่งไต้หวันจะเรียกว่าฮกเกี้ยน ภาษาฮกเกี้ยนยังใช้เป็นภาษาที่ 2 ในไต้หวัน เพราะฮากก้าอยู่ตรงกันข้ามกับเกาะไต้หวัน)
เมื่อ 121 ปีที่เเล้ว (หลังสงครามในครั้งที่ 2) จีนรบแพ้อังกฤษ อังกฤษกับราชวงศ์ชิงได้เซ็นสัญญาให้อังกฤษเช่าเกาะฮ่องกงเป็นเวลานาน 99 ปี เพิ่งคืนให้จีนเมื่อ 22 ปีที่แล้วนี่เอง!!
ตอนมอบเกาะฮ่องกงให้จีน มีข้อตกลงอย่างหนึ่ง เรียกว่า “ฮ่องกง เบสิก ลอว์” อนุญาตให้ฮ่องกงมีสิทธิด้านศาล มีสกุลเงินของตัวเอง ปกครองตัวเองภายใต้แนวความคิด “1 ประเทศ-2 ระบบ” ให้มีสิทธิในการประท้วง มีเสรีภาพในการพูด โดยรัฐบาลปักกิ่งต้องให้ความคุ้มครองตามข้อตกลงนี้เป็นเวลา 50 ปี
แล้วผู้ประท้วงเรียกร้องอะไร?หลังจากตำรวจทำให้ผู้ประท้วงที่เป็นผู้หญิงบาดเจ็บ ความรุนแรงและจำนวนคนที่ออกมาประท้วงก็เริ่มมากขึ้นจนถึงล้านเศษ (ฮ่องกงมีพลเมืองประมาณ 7 ล้านคนเศษ) จากข้อเรียกร้องเดียว คือสิทธิทางด้านศาล กลายเป็นหลายข้อเรียกร้อง ดังนี้
ขอสิทธิในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งฯ ขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนตำรวจที่ทำร้ายผู้ประท้วง ขอให้ปล่อยผู้ประท้วงที่โดนจับทั้งหมด และขอให้ทางการฮ่องกงยกเลิกคำที่ใช้เรียกผู้ประท้วงว่า “ผู้ก่อจลาจล” เป็นต้น
ล่าสุด เมื่อ “แคร์รี่ ลัม” หัวหน้าผู้บริหารฮ่องกง ได้ประกาศถอนร่างกฎหมายการส่งผู้ร้ายข้ามแดนที่เป็นต้นเหตุของความไม่สงบทางสังคมในฮ่องกง ทำให้เห็นการเดินหมาก “เกม” การเมืองของจีน ว่ารัฐบาลปักกิ่งรู้ดีว่ากำลังต่อสู้กับอะไร? จะบุกด้วยกำลังทหารก็จะเข้าทางตะวันตกและสหรัฐฯ ที่เข้าไปสอดแทรกในกลุ่มเด็กๆ ผู้ประท้วงด้วยใจบริสุทธิ์
ปักกิ่งเดินหมากสู้แบบชาติที่มีปัญญา รู้เขารู้เรา รู้จังหวะเวลา รู้ว่าตะวันตกและสหรัฐฯต้องการทำลายฮ่องกงเพราะอะไร? ปักกิ่งรู้ทันทุกอย่าง จึงออกข่าว “บลัฟ” ว่าจะใช้เสินเจิ้นเป็นศูนย์กลางแทนฮ่องกง...ปักกิ่งคิดอย่างที่คนมีปัญญาคิด คิดว่ารักษาสถานะฮ่องกงเอาไว้อย่างนี้ไปก่อน แล้วค่อยๆ แก้ปัญหาในวันข้างหน้า และอย่าก่อศึกหลายด้าน
คอลัมน์ อยู่กับปัจจุบัน โดย พงษ์ศักดิ์ ศรีสด
หน้า 14 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3503 วันที่ 8-11 กันยายน 2562