ปิโตรฯ2แสนล.ไม่คืบ! เอ็กซอนโมบิลหาที่ 600 ไร่ เจอทางตัน-ลั่นขอเวลาเจรจา

28 ก.ค. 2561 | 10:44 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

เอ็กซอนโมบิล ยันปักหลักลงทุนปิโตรเคมี 2 แสนล้านบาทในไทย หลังพ้นเส้นตายให้ภาครัฐเร่งจัดหาที่รัศมี 5 กิโลเมตรรอบโรงกลั่นเอสโซ่ให้ได้ภายใน 3 เดือน เผยการจัดหาที่ดินขนาดใหญ่เป็นเรื่องยาก ต้องค่อยๆ เจรจากับผู้ประกอบการย้ายออกจากพื้นที่เดิม

จากที่ นายแจ็ก พี.วิลเลียมส์ รองประธานอาวุโส บริษัท เอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่นฯ ได้เข้าหารือกับ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 12  มีนาคม  ที่ผ่านมา เพื่อแสดงเจตนารมณ์ที่จะขยายการลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) โดยต้องการให้ทางรัฐบาลจัดหาที่ดินราว 600-700 ไร่ และมีเงื่อนไขห่างจากท่าเรือแหลมฉบังและโรงกลั่นนํ้ามันเอสโซ่ในรัศมีไม่เกิน 5 กิโลเมตร เพื่อดำเนินการตั้งโรงงานปิโตรเคมี ลงทุนราว 1.6-2 แสนล้านบาท โดยให้ได้ข้อสรุปภายใน 2-3 เดือน

แหล่งข่าวจากบริษัท เอ็กซอน โมบิลฯ เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในการจัดหาพื้นที่ตั้งโรงงานปิโตรเคมีนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างทำงานร่วมกับหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.) ท่าเรือแหลมฉบัง สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(สกพอ.) เพื่อหาทางออกร่วมกันว่าจะจัดหาพื้นที่ได้ในบริเวณไหน ซึ่งยอมรับว่าการหาพื้นที่ขนาดใหญ่บริเวณดังกล่าว เป็นเรื่องยาก เพราะตามแนวทางที่เสนอมานั้น ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ของท่าเรือแหลมฉบังที่ว่างอยู่เป็นพื้นที่แปลงเล็กๆ และไม่ติดต่อกัน ขณะที่พื้นที่ของบริษัท ยูนิไทยชิปยาร์ด แอนด์ เอนจิเนียริ่ง จำกัด ซึ่งเช่าพื้นที่ของท่าเรือแหลมฉบังอยู่ และมองว่าเป็นพื้นที่ที่มีความเหมาะสมตั้งโรงงาน ยังติดสัญญาเช่าถึงปี 2563 การจะบอกเลิกสัญญานำที่ดินมาใช้ทันที จะมีการฟ้องร้องกันเกิดขึ้นได้ tp11-3378-a

ขณะที่การจะถมทะเลบริเวณหน้าท่าเรือของโรงกลั่นเอสโซ่ ก็เป็นเรื่องลำบาก จะต้องขออนุญาตจากกรมเจ้าท่า และต้องทำรายงานศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมกินระยะเวลานาน และขึ้นอยู่กับกรมเจ้าท่าจะอนุญาตด้วยหรือไม่ รวมถึงการใช้พื้นที่ป่าไม้ซึ่งติดกับโรงกลั่นนํ้ามันเอสโซ่ คงไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ เพราะเป็นที่เนินเขา

ดังนั้น ด้วยข้อจำกัดการจัดหาพื้นที่ดังกล่าว จึงเป็นเรื่องยากที่จะได้ข้อสรุปโดยเร็ว ซึ่งทางสกพอ.ก็กำลังพิจารณาเรื่องนี้อยู่ว่าจะหาทางออกอย่างไร เพราะข้อเสนอแต่ละพื้นที่มีข้อจำกัดทั้งสิ้น

อย่างไรก็ตาม กรณีที่เอ็กซอน โมบิล ได้เคยกำหนดระยะเวลาให้ทางไทยจัดหาพื้นที่ตั้งโรงงานปิโตรเคมีให้ได้ภายใน 2-3 เดือน นับจากเดือนมีนาคม 2561 เป็นต้นมา หากไม่ได้ตามระยะเวลาดังกล่าว จะตัดสินใจย้ายการลงทุนไปประเทศจีนหรือเวียดนามแทนนั้น ในเรื่องนี้เป็น กรอบการทำงานไว้ เมื่อครบกำหนดเวลาก็จะมีการสรุปความคืบหน้ากัน ไม่ได้ไปบีบคณะทำงานว่าจะต้องให้แล้วเสร็จได้พื้นที่ในเดือนไหน แต่เบื้องต้นทางเอ็กซอนโมบิลยืนยันมาแน่ว่าต้องการลงทุนในไทยแต่ขึ้นอยู่กับว่ามีพื้นที่ตั้งเหมาะสมตามที่ต้องการหรือไม่ เพราะต้องการให้โรงกลั่นนํ้ามันเอสโซ่ กับโรงงานปิโตรเคมีมีส่วนช่วยสนับสนุนกันให้มากที่สุด

“ระดับการลงทุน 2 แสนล้านบาท และต้องจัดหาพื้นที่ขนาดใหญ่ เป็นเรื่องที่ต้องค่อยๆ หารือแต่ละแนวทาง เช่น ย้ายผู้ประกอบการรายเดิมออกจากพื้นที่ได้หรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องเจรจากันทั้งสิ้น”

ดังนั้น จึงต้องอาศัยเวลาอีกระยะหนึ่ง เพื่อให้การจัดหาพื้นที่ตามข้อเสนอต่างๆ ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน ซึ่งมองว่าไม่น่าจะเกินภายในปีนี้น่าจะเห็นอะไรชัดเจนขึ้นมาบ้าง เพราะหากไม่สามารถดำเนินการได้ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่การลงทุนระดับ 2 แสนล้านบาท ต้องหลุดมือออกนอกประเทศไป

แหล่งข่าวจากท่าเรือแหลมฉบัง เปิดเผยว่า ในการจัดหาที่ดินตามที่เอ็กซอนโมบิลระบุมานั้น ขณะนี้มองว่า น่าจะถึงทางตัน ซึ่งได้แจ้งกับนายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกไปแล้วว่าการจัดหาพื้นที่ค่อนข้างยาก พื้นที่ว่างแปลง ใหญ่ไม่มีแล้ว การจะไปเจรจาให้ผู้ประกอบการรายเดิมที่เช่าพื้นที่อยู่ก็เป็นเรื่องลำบาก และคงไม่ได้ข้อยุติโดยง่าย ดังนั้น ต้องขึ้นอยู่กับระดับรัฐบาลที่จะตัดสินใจต่อเรื่องนี้อย่างไร

……………….……………….……………….……………….

หน้า 11 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,378 วันที่ 28-30 มิ.ย. 2561 e-book-1-503x62