KEY
POINTS
*** คอลัมน์ฐานโซไซตี โดย...กาแฟขม หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ “ลึก ตรงประเด็น เห็นโอกาส” ฉบับ 4137 ระหว่างวันมที่ 5-8 ต.ค.2568
*** ผ่านพ้นไปสำหรับการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาของนายกฯ หนู อนุทิน ชาญวีรกูล พร้อมกับคำประกาศกลางสภาฯ ยุบสภา วันที่ 31 มกราคม 2569 นับเฉพาะตั้งแต่ที่ “รัฐบาลหนู” เข้าบริหารสั่งการวันที่ 1 ต.ค. 2568 ไปจนกว่าจะได้รัฐบาลใหม่มีเวลาอยู่ในอำนาจ 10 เดือน ตามไทม์ไลน์ที่จะเกิดขึ้น คาดกันว่าเป็นดังนี้ ไล่เรียงกันชัดๆ อีกที 31 ม.ค. 69 ยุบสภา ก.พ. 69 กกต.ประกาศกำหนดวันเลือกตั้ง 29 มี.ค. 69 เลือกตั้ง (ไม่เกินวันนี้) 29 พ.ค. 69 กกต.รับรองผลเลือกตั้ง (ภายใน 60 วัน) มิ.ย. 69 เรียกประชุมสภาผู้แทนราษฎร เลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ก.ค. 69 โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกฯ แต่งตั้ง ครม.ชุดใหม่ รัฐบาลชุดใหม่แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา
*** “รัฐบาลหนู” ที่ดีและได้รับการชื่นชมทั่วทิศ มาจากการแต่งตั้งรัฐมนตรี “คนนอก” เป็นความโหยหาของคนไทยที่เอือมระอากับนักการเมือง หรือ คนที่พรรคการเมือง หรือทุนหนุนหลังพรรคการเมือง ส่งไปเป็นรัฐมนตรี ตามระบบการเมืองปกติ ที่จัดเก้าอี้ครม.ตามโควต้า บ้านใหญ่ หรือกลุ่มก๊วนที่มี สส.ในคอกเยอะก็คว้าเก้าอี้ไป
ฉะนั้น การเมืองปกติ การเมืองสมัยหน้า แทบไม่ต้องสงสัยในการที่จะจัดคนเก่ง คนดี คนที่ประชาชนส่วนใหญ่ฝากความหวังได้เข้าไปเป็นรัฐมนตรี การจัดรัฐมนตรีคนนอกมืออาชีพบางส่วนแบบนี้ได้ นึกย้อนไปถึงคล้ายๆ “รัฐบาลลุงตู่” สมัยแรก แต่อันนั้นรัฐบาลมาโดยมิชอบ ที่ว่าทั้งหมดแบบนี้สะท้อนภาพรวมนักการเมือง หรือ คนการเมืองไทยค่อนข้างไร้คุณภาพ หรือระบบการเมืองไทย ไม่ได้เอื้อให้คนเก่ง คนดีเข้าไปข้องแวดหรือไม่
*** แต่อีกด้าน รัฐมนตรีจากนักการเมืองในรัฐบาลหนู ก็สะท้อนภาพยี้ให้เห็นทุกสารทิศเช่นเดียวกัน ทั้งความเทา ความหมิ่นเหม่ กังขาในเรื่องจริยธรรม ทั้งภาพการบริหาร รัฐมนตรีครอบครัว สืบทอด รัฐมนตรีจากบ้านใหญ่ทั้งหลาย ก็เป็นเหรียญอีกด้านที่สะท้อนภาพไปถึงความเป็นการเมืองแบบไทยๆ ผ่านนักเลือกตั้ง ที่เอากลุ่มก๊วน พรรคไปต่อรองเก้าอี้ แทบไร้ความหวัง ในการทำงานให้ประชาชนในยามยากลำบากเช่นนี้
*** เวลาน้อยต้องทำเรื่องด่วนและสำคัญ แต่อันนี้ไม่แน่ใจด่วนแค่ไหน พิพัฒน์ รัชกิจประการ คนโตตัวเล็กจากปักษ์ใต้ในเก้าอี้ใหญ่ รองนายกฯควบรมว.คมนาคม ในการแก้ไขสัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) วงเงิน 2.24 แสนล้านบาท คู่สัญญาการรถไฟฯ กับบริษัทเอเชีย เอราวัน จำกัด (ซีพี) ผู้รับสัมปทานสัญญาสัมปทาน 50 ปี
โครงการนี้ล่าช้ากว่า 6 ปี ต้องเชิญเอกชน อีอีซี รฟท.มาหารือดู ยืนยันไม่เปิดช่องให้เอกชนแก้ไขสัญญา เดิมรัฐจ่ายเมื่อสร้างเสร็จ จะมีการแก้ให้สร้างไปจ่ายไป เป็นงวดๆ ไม่เห็นด้วย ต้องเดินตามสัญญาเดิม ต้องหาทางออกกัน 4 เดือนนี้ ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องศึกษา มีรถไฟทางคู่ แหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี เชื่อมเข้าไปอู่ตะเภาลากมากรุงเทพฯ ได้
*** อันนี้เร็วจริง เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีควบรมว.คลัง เสนอครม.ทันทีนัดหน้า “คนละครึ่งพลัส” เริ่ม 29 ต.ค. เข้ากระเป๋าประชาชน ใช้ยาวไปสิ้นปี พลัสเพิ่มเข้าไปในวงเงินจากเดิม 150 ขยับ เป็น 200 บาทต่อวัน ให้สิทธิ์ร้านค้านิติบุคคลรายย่อยเข้าร่วมได้ จากเดิมที่จำกัดเฉพาะบุคคลธรรมดา พร้อม “แพ็กเกจพลัส” ผู้ที่อยู่ในระบบภาษี จะได้รับสิทธิ์รวมมากกว่า 2,400 บาท เพื่อสร้างแรงจูงใจ และทำให้เห็นประโยชน์จากการเสียภาษี
วางเป้าหมายให้ร้านค้าและผู้ประกอบการได้เรียนรู้การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล E-commerce และระบบบัญชี ซึ่งถือเป็นการยกระดับทักษะเศรษฐกิจฐานราก ทำไปพร้อมกับ การเติมเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 1,700 บาท ให้เป็น 2000บาทจากเดิม 300 บาท ให้ผู้ถือบัตร 13.4 ล้านคน ให้ 2 เดือนปลายปีด้วย ตามหลัก ใช้งบเร็ว กระตุ้นทันที เพิ่มวงเงินต่อวันขยายประโยชน์ไปทั่ว
***ข้าง อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ก็เร็ว และทันที ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ (QUICK BIG WIN) โครงการแรกเป็นโครงการโซลาร์ภาคประชาชน โซลาร์ฟาร์มชุมชน 1,500 เมกะวัตต์ จากโควตาของโซลาร์ตามพีดีพีฉบับเดิม 8,600 เมกะวัตต์ มีการเซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้ว 5,000 เมกะวัตต์ และ 2,000 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างเซ็น และก็อยู่ระหว่างการเจรจา โดยจะเหลืออีก 1,500 เมกะวัตต์ จะดึงมาเป็นของภาคประชาชน เป็นโรงไฟฟ้าชุมชนไม่เกิน 5 เมกะวัตต์ต่อชุมชน
เพราะฉะนั้นก็จะสามารถทําให้เกิดโซลาร์ฟาร์มสําหรับชุมชนได้ถึงอย่างน้อย 300 ชุมชน 15,000 ครัวเรือนทั่วประเทศได้ประโยชน์ และจะทำโครงการโซลาร์สูบนํ้าเพื่อการเกษตรเป้า 1,200 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่กว่า 700,000 ไร่ เพื่อลดค่าใช้จ่ายให้กับเกษตรกรในการบริหารจัดการนํ้าและเร่งรัดมาตรการลดภาษีโซลาร์ ครัวเรือนที่ต้องการจะติดแผงโซลาร์ ให้นำค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงไม่เกิน 200,000 บาทมาลดหย่อนภาษี ตั้งเป้า 90,000 ครัวเรือน ทั้งหมดนี้จะทำทันทีและกระจายให้ทั่วถึง...
*** ปิดท้ายกันที่ปฎิทินข่าว ... บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ขอเชิญเข้าร่วมงานวันไข่โลก 'CP World Egg Day' เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงคุณค่าทางโภชนาการของไข่ และส่งเสริมให้บริโภคไข่อย่างสม่ำเสมอ โดยมีดาราสาวชื่อดัง “หลิงหลิง คอง” เข้าร่วมให้สัมภาษณ์ ในวันอังคารที่ 7 ตุลาคม 2568 เวลา 16.00 - 20 .00 น. ณ SURALAI HALL ชั้น 7 ไอคอนสยาม
*** ถัดไป... บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนลเพ็ทฟู้ด จำกัด ในเครือ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ผู้ผลิตและจำหน่ายอาหาร รวมถึงขนมสัตว์เลี้ยง แบรนด์ JINNY เตรียมจัด “งาน JINNY ใจฟูเจอร์นี่” โดยมี “พี่จอง คัลแลน” ร่วมถ่ายทอดเรื่องราวของแบรนด์ ในวันเสาร์ที่ 11 ตุลาคม 2568 เวลา 14.30-17.00 น. ณ River Park ไอคอนสยาม
หน้า 4 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,137 วันที่ 5 - 8 ตุลาคม พ.ศ. 2568