การใช้ CAR-T Cells ผสมผสาน NK Cells เพื่อช่วยรักษามะเร็ง

17 พ.ค. 2568 | 02:00 น.
อัปเดตล่าสุด :17 พ.ค. 2568 | 02:42 น.

การใช้ CAR-T Cells ผสมผสาน NK Cells เพื่อช่วยรักษามะเร็ง คอลัมน์ ชีวิตบั้นปลายของชายชรา โดย กริช อึ้งวิฑูรสถิตย์

KEY

POINTS

  • การตรวจ CTC ช่วยตรวจพบเซลล์มะเร็งในกระแสเลือดตั้งแต่ระยะเริ่มต้น และสามารถใช้ติดตามผลการทำงานของเซลล์รักษา เช่น CAR-T และ NK Cells ได้อย่างแม่นยำ
  • การรักษาแบบ Decision Medicine ใช้ข้อมูลพันธุกรรมและชีววิทยาเฉพาะบุคคล เพื่อเลือกแนวทางรักษาด้วย CAR-T และ NK Cells ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้ป่วยแต่ละราย

เมื่อหลายวันก่อน ผมได้พบกับเพื่อนรุ่นพี่ท่านหนึ่ง เราได้คุณกันถึงเรื่องการแพทย์แบบแม่นยำ(Decision Medicine) ซึ่งผมได้เล่าให้ท่านฟังถึงการใช้การตรวจด้วย CTC (Circulating Tumor Cells) หรือวิธีตรวจจับเซลล์มะเร็งที่หลุดลอยอยู่ในเม็ดเลือด ซึ่งแม้ท่านจะเป็นแพทย์ แต่ท่านก็ยังมีคำถามว่า ความน่าเชื่อถือของวิธีการด้งกล่าวมีมากแค่ไหน? เมื่อทราบผลว่ามีเซลล์มะเร็งในเม็ดเลือดมากพอจะเชื่อได้ว่า ผู้ถูกตรวจน่าจะเป็นมะเร็งแน่แล้ว จะดำเนินการรักษาอย่างไรต่อไป? ซึ่งเป็นคำถามที่น่าสนใจมาก ผมจึงไปสืบค้นในบทวิจัยต่างๆ เพื่อให้ความกระจ่างแก่ตนเอง อีกทั้งยังสามารถมาเล่าให้กลุ่มแฟนคลับในบทความนี้ทราบต่อไปด้วยครับ

ในปัจจุบันนี้ โรคมะเร็งยังเป็นหนึ่งในโรคร้ายแรง ที่ส่งผลกระทบต่อผู้คนทั่วโลก แม้ว่ามีการพัฒนาเทคโนโลยีการรักษามากมาย ซึ่งการตรวจหาด้วยวิธีการตรวจเลือด ยังคงเป็นพื้นฐานในการตรวจจับเชื้อมะเร็งที่สำคัญมาก เพราะหากทราบได้เร็ว ก็จะสามารถรักษาให้หายได้เร็วเช่นกัน แต่มะเร็งบางชนิดก็ยังท้าทายการรักษาด้วยวิธีเดิมๆ อย่างเช่น เคมีบำบัด หรือการผ่าตัด ทำให้การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด(Immunotherapy)ได้รับความสนใจอย่างมากในวงการแพทย์ โดยเฉพาะการใช้เซลล์ CAR-T และ NK Cells ซึ่งเป็นทางเลือกที่พัฒนาอย่างรวดเร็วในการแพทย์ยุคปัจจุบัน

ในเรื่องที่ผมกำลังกล่าวถึงนี้ เป็นการนำเรื่องการตรวจพบ CAR-T Cells ซึ่งเป็นเรื่องใหม่สำหรับคนทั่วไป แต่ที่ต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นหรือไต้หวัน ต่างได้นำเอาเทคโนโลยีดังกล่าวนี้ มาใช้ในการบำบัดรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งแล้ว อีกทั้งยังมีการเสริมด้วยการนำเอา NK Cells โดยใช้แนวทาง Decision Medicine เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย เพื่อการผสานพลังภูมิคุ้มกันบำบัด และการตัดสินใจรักษาที่แม่นยำของแพทย์อย่างมีประสิทธิภาพในการรักษา

หลายๆท่านคงอยากจะทราบว่า CAR-T Cells นั้นคืออะไร? ต้องบอกแบบชาวบ้านๆอย่างง่ายว่า CAR-T Cells คือพระเอกที่คอยทำลายเซลล์มะเร็งที่อยู่ในอวัยวะของเรานั่นแหละครับ หรือถ้าพูดเป็นภาษาแพทย์หน่อย ก็ต้องบอกว่า มันคือเซลล์ T ที่ได้รับการปรับแต่งพันธุกรรม ให้มีตัวรับ (Receptor) ที่สามารถจับกับโปรตีนบนผิวของเซลล์มะเร็งโดยเฉพาะ เมื่อเซลล์ T มาพบกับเซลล์มะเร็งที่มีโปรตีนเหล่านี้ มันจะกินหรือทำลายเซลล์มะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ การรักษาด้วย CAR-T Cells ได้แสดงผลดีในบางกรณี เช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาว (Leukemia) หรือมะเร็งต่อมน้ำเหลือง (Lymphoma) อย่างไรก็ตาม การรักษาด้วย CAR-T Cells ไม่ได้ผลกับทุกคนเสมอไป เนื่องจากเซลล์มะเร็งบางชนิด มันสามารถดัดแปลงตัวเองให้หลีกเลี่ยงการทำลายจาก CAR-T หรืออาจเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง เช่น ภาวะไซโตไคน์ สตรอม (Cytokine Storm) เป็นต้น วันหลังผมจะเอาไซโตไคน์ สตอร์มมาเล่าให้ฟังนะครับ

เรามาดูตัวละครอีกตัวหนึ่ง คือพระรองตัวสำคัญ นั่นก็คือ NK Cells หรือ Natural Killer cells ซึ่งมันคือเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่ง ที่ทำหน้าที่ในการโจมตีและทำลายเซลล์ที่แปลกปลอมหรือเซลล์มะเร็ง โดยไม่จำเป็นต้องมีการกระตุ้น หรือรับสัญญาณจากเซลล์อื่น ๆ ซึ่งทำให้ NK Cells มีความยืดหยุ่นสูง และปลอดภัยกว่าในการรักษามะเร็ง เพราะ NK Cells สามารถโจมตีเซลล์มะเร็งได้หลายชนิด โดยไม่ต้องรู้จักล่วงหน้า จึงเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการต่อสู้กับมะเร็งที่แพร่กระจายอยู่ในตัวเรา

ปัจจุบันนี้ ทางการแพทย์แบบแม่นยำ ซึ่งเป็นการแพทย์ยุคใหม่ ที่สามารถใช้การรักษาแบบตรงจุด ไม่ได้รักษาด้วยการหว่านแห ได้ใช้วิธีการตรวจพบ CAR-T Cells และเสริมด้วย NK Cells หากในกรณีที่การรักษาด้วย CAR-T Cells ไม่ได้ผลตามที่คาดหวัง หรือเมื่อเซลล์มะเร็งมีความสามารถหลบหนีการโจมตีของ CAR-T การใช้ NK Cells เป็น “กำลังเสริม” จึงเป็นวิธีหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยม ในการเสริมการทำงานของ CAR-T Cells ซึ่งต้องบอกว่าการตรวจพบว่า CAR-T Cells ยังคงทำงานได้ดีหรือไม่นั้น สามารถทำได้ผ่านการทดสอบในห้องปฏิบัติการ เช่น การตรวจ DNA ของ CAR-T Cells หรือการวัดระดับไซโตไคน์ที่เกิดจากการทำงานของ CAR-T Cells ซึ่งจะช่วยให้แพทย์ตัดสินใจได้ว่า เมื่อใดควรเพิ่มการรักษาด้วย NK Cells ก็เหมือนในภาพยนตร์ ตอนพระเอกเพลี่ยงพล้ำต่อผู้ร้าย ตัวผู้ช่วยพระเอกก็จะเข้ามาช่วยพระเอกนั่นแหละครับ

การเสริมกำลังการรักษาด้วย NK Cells ผ่านการรักษาแบบ Decision Medicine เป็นแนวทางที่ใช้ข้อมูลจาก พันธุกรรม(Genetic) และชีววิทยาของผู้ป่วย เพื่อตัดสินใจในการรักษา โดยเฉพาะในกรณีของมะเร็ง การใช้ข้อมูลพันธุกรรม จะช่วยให้แพทย์เลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุด เช่น หากผู้ป่วยมีการกลายพันธุ์ในยีน ที่ทำให้เซลล์มะเร็งดื้อต่อการรักษาแบบเดิม การใช้ NK cells อาจเป็นตัวเลือกที่ดี ในบางกรณี Decision Medicine ยังช่วยเลือกเวลา และปริมาณการใช้ CAR-T Cells หรือ NK Cells ได้อย่างแม่นยำ โดยการพิจารณาจากข้อมูล การตอบสนองต่อการรักษาของผู้ป่วยแต่ละราย เช่น ข้อมูลจากการตรวจ CTC (Circulating Tumor Cells) ซึ่งจะช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพสูงสุด ข้อดีของการใช้ Decision Medicine ร่วมกับ CAR-T และ NK Cells ทำให้การรักษาโรคมะเร็งได้แม่นยำมากขึ้น การใช้ข้อมูลพันธุกรรมและข้อมูลการตอบสนองของผู้ป่วยจะช่วยให้แพทย์สามารถเลือกวิธีการรักษาที่ดีที่สุด

ในยุคปัจจุบันนี้ แพทย์ด้าน Decision Medicine ได้ลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียง การปรับแต่งการรักษาตามข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อช่วยลดการเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ และเพิ่มโอกาสในการหายขาด ด้วยการใช้ CAR-T และ NK cells ร่วมกับการตัดสินใจทางการแพทย์ที่มีข้อมูลสนับสนุน จะทำให้การรักษามีประสิทธิภาพสูงขึ้นนั่นเอง ผมเชื่อว่าในอีกไม่นานเกินรอ การแพทย์ของไทยเรา อาจจะมีการพัฒนาการรักษาโรคมะเร็งร้ายนี้ ด้วยวิธีการของการแพทย์ด้าน Decision Medicine ด้วยเช่นกันครับ

บทความอ้างอิง:

  • June, C. H., et al. (2018). CAR T cell therapy for human cancer. Science, 359(6382), 1361-1365.
  • Meyer, J. L., et al. (2017). NK cell therapy: Harnessing the power of the immune system. Journal of Hematology & Oncology, 10(1), 25.
  • Chavez, J. C., et al. (2020). Decision medicine: Toward precision medicine in cancer treatment. Cell Reports, 31(7), 107703