ค่านิยมของ Deep-Z: ไม่ยึดติดกับ Lifestyle แบบสำเร็จรูป ขอบเขตในชีวิตสำคัญกว่าความสำเร็จตามนิยามโลก “พวกเราไม่ได้อยากเป็นใคร พวกเราไม่ได้เป็นอะไร แต่เราเป็นตัวของตัวเอง” ชอบความไม่เป๊ะ แต่จริง Enjoyกับสิ่งตรงหน้า
กลยุทธ์: สื่อสารแบบ Real Talk ไม่ต้องหวาน ไม่ต้องขายฝัน แต่ขายความจริงใจขายความเป็นตัวตนของแบรนด์ ถ้า GenZ สามารถสัมผัสได้ถึงความเข้ากันของแบรนด์กับตนเองก็จะเลือกที่จะใช้แบรนด์นั้น ชอบแบรนด์ที่ให้พื้นที่เขาเป็นคนธรรมดาแบบที่ภูมิใจ
4. The Rural Gold Class: อยู่ต่างจังหวัด แต่ใช้ชีวิตแบบ “เจ้าสัวเล็ก ๆ”
หลายแบรนด์ยังคิดว่า “ผู้บริโภคมีกำลังซื้อ” = กลุ่มคนที่อยู่ในกรุงเทพ แต่จริง ๆ แล้วกว่า 8 ล้านคนที่มีกำลังซื้อสูง อาศัยอยู่นอกเมืองหลวง พวกเขาเข้าถึงเทคโนโลยี สามารถใช้จ่ายผ่านออนไลน์ และมีพลังชวนซื้อในคอมมูนิตี้อย่างแข็งแรง
พวกเขาไม่ได้ซื้อเพราะเห็นโฆษณา แต่ซื้อเพราะ “พี่ในกลุ่มไลน์บอกว่าใช้ดี” คนกลุ่มนี้มีพฤติกรรมแบบ Sellfluencer (Seller + Influencer) คือเป็นทั้งคนซื้อ คนใช้ และคนบอกต่อในเวลาเดียวกัน และช่วงเวลา Prime Time ของพวกเขาคือ “หลัง 3 ทุ่ม”
กลยุทธ์: ใช้คนจริง คนท้องถิ่น Live ขาย / บอกต่อ / แชร์ประสบการณ์ ยังลงสื่อในช่วงเวลาที่ใช่ และพูดภาษาที่ใช่
หากเจาะ Local ให้ถูกจุด ความรักต่อแบรนด์และยอดขายจะเหนียวแน่นยิ่งกว่าคนเมืองหลายเท่า
5. Edgy Aging: คนวัยเก๋า ที่ “มีเวลาและมีกำลัง”
กลุ่มคนวัย 55+ ที่หลายคนยังทำงาน มีฐานะ และดูแลตัวเองได้ดี พวกเขาไม่ได้ถูกผลักออกจากตลาดอีกต่อไป แต่กำลังกลับมาในฐานะ “ผู้เล่นเต็มตัว” ที่มีทั้งกำลังซื้อ มีเวลา มีกลุ่ม และความกล้าใช้
พวกเขาอาจไม่ได้ใช้ชีวิตแบบเปรี้ยว…แต่ใช้ชีวิตแบบ มีความสุข พร้อมจ่ายเพื่อสุขภาพ ความสุข และอิสระ
ช่องทางที่เข้าถึงพวกเขาได้มีหลากหลายช่องทาง ก็คือ
• TV: ยังเป็นเพื่อนสนิท โดยเฉพาะไลฟ์สด กีฬา ข่าว
• OTT: ซีรีส์ รายการที่ดูตามเวลาได้เอง
• Facebook & LINE: พื้นที่คอมมูนิตี้ที่ใช้เป็นประจำ
• OOH: เจอกันนอกบ้าน เพราะพวกเขา “ชอบออกไปใช้ชีวิต”
กลยุทธ์: แบรนด์ต้องไม่ Treat เขาเป็น “กลุ่มเปราะบาง” แต่ต้อง “ให้เกียรติในพลัง” ที่มีอยู่ในตัวของเขา พูดแบบเพื่อนรุ่นพี่ที่พร้อมเรียนรู้ และไม่หยุดพัฒนา พร้อมสร้างความเชื่อมั่น และความอุ่นใจในตัวของแบรนด์มากกว่าการยัดเยียดสินค้า
ในปี 2025 และอนาคตตลาดไม่ได้เปลี่ยนแค่พฤติกรรม...แต่มันเปลี่ยน “คุณค่าที่คนเลือกจะจ่ายให้” อย่าง 5 กลุ่มผู้บริโภคนี้จะเป็นพฤติกรรมที่ใกล้เคียงกันได้ว่า ไม่ได้เลือกซื้อเพราะต้องการสินค้าแต่ซื้อเพราะสิ่งที่สินค้านั้น “ให้ความหมายอะไรกับชีวิตเขา” และถ้าแบรนด์เข้าใจได้ตรงนี้ ก็ไม่ต้องตะโกนดัง ไม่ต้องยิงแอดแพง แค่พูดให้ตรงใจ ผลลัพธ์ก็ดังพอแล้ว
ผู้นำวิสัยทัศน์ หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 4,124 วันที่ 21 - 23 สิงหาคม พ.ศ. 2568