KEY
POINTS
คณะรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจไฟเขียวมาตรการ TISA (Thailand Individual Savings Account) พร้อมกับปรับโครงสร้างสิทธิประโยชน์ทางภาษีครั้งใหญ่ ซึ่งนับเป็น “Quick Big Win” ที่จะสร้างผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ในระยะยาว การตัดสินใจครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการเพิ่มตัวเลขวงเงินลดหย่อนภาษี แต่คือ การปฏิวัติแนวคิดการออม และการลงทุนของคนไทย เพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับประเทศในภาพรวม
ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงอายุอย่างสมบูรณ์ ด้วยจำนวนประชากรวัยทำงานที่ลดลง และจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หากประชาชนส่วนใหญ่ไม่มีเงินออมที่เพียงพอ รัฐบาลจะต้องแบกรับภาระด้านสวัสดิการสูงวัย ที่หนักอึ้งในอนาคต
TISA เข้ามาแก้โจทย์นี้ ด้วยการเป็นเครื่องมือหลักในการจูงใจให้คนไทย โดยเฉพาะ มนุษย์เงินเดือน และ คนวัยเริ่มต้นทำงาน เริ่มต้นออม และ ลงทุนเพื่อเกษียณอย่างจริงจัง ซึ่งจะช่วยลดภาระทางการคลังของรัฐ ในระยะยาวได้อย่างยั่งยืน
ในช่วงเปลี่ยนผ่าน กระทรวงการคลังยังถือโอกาสปรับโครงสร้างภาษีที่เป็นธรรมและจูงใจ ด้วยการเพิ่มเพดานลดหย่อนภาษีสูงสุดจากเดิม 500,000 บาท เป็น 800,000 บาท พร้อมกับให้สิทธิลดหย่อน 1.3 เท่า สำหรับผู้มีรายได้ต่ำกว่า 1.5 ล้านบาท
ถือเป็นการยิงครั้งเดียว ได้นกหลายตัว เพราะจะทำให้ผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง สามารถได้สิทธิลดหย่อนภาษีสูงสุด ไม่เกิน 1.04 ล้านบาท ต่างจากปัจจุบันหักลดหย่อนได้ 1 เท่า ขณะที่ผู้มีเงินได้เกิน 1.5 ล้านบาท แม้จะหักลดหย่อนได้ 0.7 เท่า แต่วงเงินสูงสุดไม่เกิน 560,000 บาท ซึ่งถือว่าสูงกว่าปัจจุบันที่ให้ลดหย่อนได้ 500,000 บาท
เป็นมาตรการที่สร้างความเป็นธรรมอย่างแท้จริง จูงใจให้ประชาชนส่วนใหญ่กว่า 11.4 ล้านคน เข้าถึงประโยชน์ทางภาษีได้ง่ายขึ้น เป็นการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ พร้อมกับโอกาสการสร้างความมั่งคั่ง
ขณะเดียวกันยังยกเว้นภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย สำหรับเงินลงทุน 200,000 บาทแรก ที่ถือครองเกิน 5 ปี เป็นกลไกที่สร้างแรงจูงใจในการถือครองระยะยาว และช่วยลดความลังเลใจในการนำเงินออมเข้าสู่ตลาดทุน
TISA ได้รับการออกแบบตามโมเดล NISA (Nippon Individual Savings Account) ของญี่ปุ่น ซึ่งพิสูจน์แล้วว่า ประสบความสำเร็จในการกระตุ้นให้ประชาชนลงทุนในตลาดหุ้นและสินทรัพย์ระยะยาว
การที่ TISA อนุญาตให้รวมการลงทุนในสินทรัพย์หลากหลาย (RMF, Thai ESG, หุ้น) ภายใต้วงเงินรวมเดียวกัน และลดหย่อนภาษีได้ทันที จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจทั้งในแง่การเพิ่มเม็ดเงินใหม่ๆ ในตลาดทุนไทย สร้างสภาพคล่อง และ ลดความผันผวนของตลาดหุ้นได้
การผลักดัน TISA และมาตรการเสริม เช่น พันธบัตรออมพลัส และการยกเว้นอากรแสตมป์ประกันภัย/ประกันชีวิต เป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการสร้างวินัยทางการเงิน และความมั่นคงของครัวเรือน ซึ่งเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งที่สุดของระบบเศรษฐกิจ
บทบรรณาธิการ หน้า 6 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจปีที่ 45 ฉบับที่ 4,157 วันที่ 14 -17 ธันวาคม พ.ศ. 2568