KEY
POINTS
หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 พื้นที่ทางการคลังของไทยลดลงอย่างน่ากังวล ไทยแทบไม่เหลือพื้นที่สำหรับการขาดดุลงบประมาณเพิ่มเติมในกรอบกฎหมายงบประมาณ เนื่องจากขาดดุลติดต่อกันมา ตั้งแต่ปี 2565 และมีรายจ่ายผูกพันที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในสัดส่วนสูง
บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อหลายแห่ง ส่งสัญญาณการปรับลดอันดับเครดิตของไทย ผ่านการถูกปรับลดมุมมองอันดับความน่าเชื่อถือ จาก Stable เป็น Negative ในช่วงที่ผ่านมา กดดันให้รัฐบาลจำเป็นต้องเดินหน้าปรับโครงสร้างการคลังครั้งใหญ่ ภายใต้กรอบแผนการคลังระยะปานกลาง (MTFF) โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ ลดการขาดดุลให้ตํ่ากว่า 3% ของ GDP ภายในปี 2572 และ เสริมสร้างเสถียรภาพทางการเงินการคลัง
แผนดังกล่าวระบุชัดว่า จะเพิ่มประสิทธิภาพและฐานรายได้หลายช่องทาง ทั้งการใช้เทคโนโลยีและ Big Data เชื่อมข้อมูลระหว่างหน่วยงานผ่าน Data Lake เพื่อขยายฐานภาษี การทบทวนโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและค่าลดหย่อนบางรายการ ควบคู่กับการจัดระเบียบการใช้เงินที่เข้มงวดขึ้น
แต่ “หัวใจที่อ่อนไหวที่สุดทางการเมือง” คือ การขยับอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ซึ่งขณะนี้อยู่ที่ 7% ทั้งที่กฎหมายกำหนดเพดานสูงสุดไว้ที่ 10% แผน MTFF ระบุว่า หากเศรษฐกิจไทยกลับมาเติบโตเต็มศักยภาพ ในปี 2571 จะมีการปรับขึ้น VAT จาก 7% เป็น 8.5% และปรับอีกครั้งเป็น 10% ในปี 2573 โดยยํ้าว่า จะมีมาตรการบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนและภาคธุรกิจควบคู่ไปด้วย
ประเทศไทยไม่สามารถ “เดินต่อด้วยสูตรเดิม” คือ ขาดดุลเพิ่ม-กู้เพิ่ม โดยหวังพึ่งการเติบโตในอนาคตเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป พื้นที่การคลังที่เหลือน้อยลง ทำให้ความสามารถในการรับมือวิกฤตใหม่ๆ ลดลงตามไปด้วย ขณะเดียวกัน การคงสถานะหนี้สาธารณะในระดับสูงต่อเนื่อง โดยไม่มีแผนปรับโครงสร้างที่ชัดเจน ย่อมเพิ่มความเสี่ยงต่ออันดับความน่าเชื่อถือของประเทศ
การขยับ VAT แม้เป็น “ยาขม” แต่ในเชิงโครงสร้าง ถือเป็นภาษีที่จัดเก็บได้เสถียรและครอบคลุม อย่างไรก็ตาม การขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มจำเป็นต้องออกแบบมาตรการบรรเทาอย่างตรงกลุ่ม โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยและธุรกิจขนาดเล็ก เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่ซํ้าเติมกำลังซื้อ และ การจ้างงาน
ที่สำคัญต้องปฏิรูปรายจ่ายและวินัยการคลังให้จริงจัง ลดรายจ่ายซํ้าซ้อน ปรับระบบสวัสดิการให้ตรงเป้า และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งบในทุกบาททุกสตางค์
ท้ายที่สุด การสร้างความยั่งยืนทางการคลังไม่ใช่แค่ “แผนบนกระดาษ” แต่ต้องสะท้อนผ่านการตัดสินใจเชิงนโยบายที่กล้าหาญ โปร่งใส และ สื่อสารกับสังคมอย่างตรงไปตรงมา ว่าทำไมประเทศจำเป็นต้องปรับตัว ขึ้นภาษีบางประเภท ลดรายจ่ายบางส่วน และใช้งบประมาณอย่างรอบคอบมากขึ้น
บทบรรณาธิการ หน้า 6 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,151 วันที่ 23 -26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568