ตำนานบางอย่างของฝ่ายเหนือล้านนาอยู่ในปั๊ปสา_พับของกระดาษสา_อันได้มาจากเยื่อต้นสาเข้ากระบวนการลอยน้ำทำกระดาษ ถ้าเปนตำนานทางธรรมมักประจุจารในเอกสารประเภทใบลาน ซึ่งมีปรากฏให้พบเห็นตามวัดโดยทั่วไป เรียกกันว่า ธรรม อาจสะกด ธัมม์
ยังมีคัมภีร์ใบลานชื่อ “ธัมม์สี่หูห้าตา” ของวัดแช่ช้าง ตำบลแช่ช้าง สันกำแพง เชียงใหม่จารด้วยอักษรธรรมล้านนา จำนวน ๑ ผูก (๖๑ หน้าลาน) ผู้จารชื่อ “พิมมสารภิกขุ” เมื่อจุลศักราช ๑๒๗๖ (เทียบได้พ.ศ. ๒๔๕๗)
คำว่า “แมง” ใช้เป็นคำนำหน้าสัตว์ใหญ่ๆ ในเชิงเหยียดขันได้ “แมงสี่หูห้าตา” เป็นสัตว์ใหญ่คล้ายหมี มีหู ๔ หู มีตา ๕ ตา ในความเป็นจริงอาจไม่ปรากฏสัตว์ประเภทนี้ในโลก แต่มีเรื่องเล่า ตามใบลาน ตามปากครูบาเปนมุขปาฐะ
เริ่มกันตรงที่ว่า มีชายหนุ่มกำพร้าฐานะยากจนขัดสนนัก มีที่ทำกินเพียงน้อยไว้ปลูกข้าวกิน ปีหนึ่งฝนฟ้าไม่ต้นข้าวที่ปลูกไว้เริ่มตายแห้ง
พระอินทร์เทวดากะจะลงมาช่วยลูกกำพร้าให้พ้นสภาพทุกข์ยากเข็ญใจ จึงแปลงร่างปรากฎเป็นสัตว์ประหลาดคล้ายหมี ผสมวอก_ลิง มีสี่หูห้าตา ลงมาฟัดทำลายต้นข้าวที่ยัง ข้างไอ้หนุ่มมาพบเจอข้าวตายนึ่งตายพับ โทสะก็พุ่งครอบ กะจะฆ่าเข่นไอ้สัตว์ประหลาดนี่ แต่ด้วยความจนอับสรรพาอาวุธใดก็ไม่ดี {ก็ดีไปอย่าง_คนยากทำบาปยาก} ลงมือจับตัวประหลาดได้ก็เอามาผูกคอกควายหงาน (เขายาว) ไว้ข้างกระท่อม
ให้อาหารสารข้าว ไอ่ตัวแมงนี้ก็ไม่กิน ตกดึกน้ำค้างลงลมหนาวยอดดอยพัดอู้ มันซุกเข้ามุมคอกทำท่าทางหนาว_ไอ้หนุ่มก็ใจดีเขี่ยถ่านไฟสุมขอน เข้าไปให้ใกล้ๆ
แมงกะหมีนี่แทนที่จะเข้าหาเอาอุ่น มันจับถ่านไฟร้อนควับ คว้าเข้าปากเคี้ยวกร้วมเปนอาหาร! ไอ้ที่หนักกว่านั่น คือ เช้าขึ้นมามันขี้ขับถ่ายหลังกินถ่านไฟแดงๆ_ออกมาเปนก้อนทองคำ_บร๊ะ ตานี้ก็รวยแต๊รวยว่า พระเอกของเรา
ตำราปั๊บสาอื่นอาจจะว่า ไอ้หนุ่มนี่ชื่อทุคติ พ่อเปนยาจกเข็ญใจ สั่งเอาไว้ว่าถ้าพ่อตายเอาศพพ่อไปไว้ป่าช้า_ช้าลอไว้_ชะลอให้เน่า หัวกะโหลกพ่อหลุดออกเมื่อไหร่ก็ให้ลากเอาหัวพ่อเดินทางไป ถ้าว่าหัวพ่อติดกึกอยู่ตรงไหน_ให้เอากรามคางทำเเร้วดักสัตว พ่อตายทุคติก็ทำตามทุกอย่าง_จนมาได้เจอไอ้เจ้าสัตว์ประหลาดสี่หูห้าตานี่มาติดกับ
แล้วมันก็กินถ่านไฟ ขี้เปนทองดังนี้นั้น เช่นกันเช่นเคย!
ไอ้เรื่องกระดูกพ่อเอาทำประโยชน์นี้ ก็ถ้าเชื่อว่าพม่าเปนญาติทิเบตถอยร่นมาเอาอุ่นตามพงศาวดาร ก็ต้องเชื่อว่าลากกะโหลกพ่อเล่นได้ เพราะเเถวทิเบตนั่นใช้กระดูกคนทำโน่นทำนี่ ช่วงแข้งทำไม้ตีกลองมั่งล่ะ กะโหลกทำที่เคาะสมาธิ รึไม่แกะทำลูกประคำนับหน่วย!
ส่วนได้เรื่องขี้เปนทองนี่ก็ไม่เห็นแปลก อย่างที่วัยรุ่นเจนวายปลายแซดมาคอยปรามาสก็อีกาแฟขี้ชะมดนั่นยังไง กินกันเข้าไปไม่เห็นจะอ้วก อ่าว! ทำไม๊จะไม่อ้วก_ไอ้ที่ขี้ออกมานั่นมันชะมดตัวเช็ดชะมดเช็ดมดยอบของหอมเข้าน้ำปรุงกลิ่นฟุ้งซะเมื่อไหร่ อี/รึ/ไอ้ที่มาขี้นั่นมันอีเห็น! โว๊ะ_ วงศ์มันเดียวกันแต่คนละสปีชี่ส์ ชะมดมันไว้ป้ายกลิ่น ส่วนอีเห็นมุดสังนั่นเผาไฟ_สับเขื่องๆผัดเผ็ดซะ!
บรรทัดนี้แวะพักเพื่อคำนึงถึงตัวตุ่น ไอ้ที่ปุ๊กลุ๊กน่ารักมีฟันหน้านั่น ถอนขนลนไฟ ลอกหนังมันเคล้าเกลือทอด_อะหน่อย อะหน่อยเปนบ้าเปนหลัง! ตุ่นป่าล้านนาอยู่ในดงเปล้า
Croton fluviatilis Esser มันกินเปล้า ขี้ตุ่นดงเปล้า มีค่าเปนยาขยายหลอดเลือดความดันตามนิยามชาวป่าดงดอย เอามาเผาบดผงกินแก้อาการหน้ามือ หัวตุบๆ เวลาเดินดงขึ้นลงดอย ขี้ตุ่นมีค่าอย่างทอง ทองที่แมงสี่หูห้าตาขี้ ในเวลาที่Chlorthalidone เม็ดนึง 37 บาทโดยไม่สับสนกับต้นขี้ตุ่น ที่คนใต้(ใต้เชียงใหม่) เรียกปอขี้ไก่ ใช้แก้คางทูม
ครูบายติโก วัดบ้านฟ่อน ชนมายุ 102 พรรษา รูปนี้ขออนุญาตถ่ายในปี 61 นี้เปนพระหมอมาแต่ไร ท่านมีดวงจิตชุ่มเย็นนักแม้ยามชรา กราดสายตามองมาสบ ทำให้ผู้โดนสบรู้สึกเย็นวาบอย่างถูกน้ำเย็นสักขันราดหัว
ท่านทำเครื่องรางรูปแมงสี่หูห้าตา หน้าตาน่ารักสี่หูห้าตาที่ว่านี้หากพิจารณาให้แยบคายลงไปบางรหัสนัย ท่านว่าการงานของเรายามที่ร้อนเปนไฟผ่านเข้ามา ใช้ธัม_พรหมวิหารสี่กับหู ใช้ศีลห้ามห้าข้อกับตาอันเปนตัวส่งอายตนะห้าออกนอก ให้จงดีการณ์อย่างนี้เมื่อมีศีล_5และธรรม_4 พร้อม เมื่อเจองานไฟร้อนแรงผ่านมาย่อมสามารถอดรนทนกล้ำกลืนฝืนกินลูกไฟเข้าไปได้แลในยามท้าย ย่อมปลดทุกข์ลูกไฟผลแห่งงานร้อนแรงนั้นออกมาได้เปนทองคำ! ช่างเปนปริศนานัยน่าสนใจยิ่ง
เมื่อส่องดูด้วยกล้องนวตกรรม กำลังขยาย X 20 ศ. สนอง เห็นเข็มเงินขัดคาปาก แมงสี่หูห้าตาของครูบาบ้านฟ่อน อยู่_ขอกราบบูชา พระครูมงคลยติคุณ ครูบาดวงดีผู้มีชนมายุสูงสุดในเมืองเหนือด้วยเศียรเกล้า เผื่อใครประมาทหมิ่นคิดเอาว่าท่านทำรูป แมงสี่หูห้าตาไปยังงั้นๆ
นสพ.ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 หน้า 17 ฉบับที่ 3,687 วันที่ 13 - 16 มิถุนายน พ.ศ. 2564