ประวัติศาสตร์ “สามมิตร” การเมืองที่ไร้มิตรแท้

09 มิ.ย. 2563 | 11:20 น.

คอลัมน์คันฉ่องส่องการเมือง ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3582 หน้า 12 ระหว่างวันที่ 11-13 มิ.ย.63 โดย... นาย NO VOTE

 

ประวัติศาสตร์

“สามมิตร”

การเมืองที่ไร้มิตรแท้

 

          “ถ้าจะปรับครม.เมื่อไรผมจะบอกเอง หรือบางทีก็ปรับโดยไม่บอก เพราะเป็นอำนาจของนายกฯ คนเดียว"

          เป็นท่าที “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ที่สะท้อนให้เห็นถึงความรู้สึกสุด “เอือมระอา” จากปฏิกิริยาของ “กลุ่มสามมิตร” ที่พยายามสร้างปมร้าวภายในพลังประชารัฐ ดัน 18 กรรมการบริหารพรรคให้ลาออก  

          หวังกดดันให้นายกฯ ปรับ ครม. แม้ในยามที่ประเทศชาติ ต้องการความสามัคคี ให้ผ่านพ้นวิกฤติโควิด-19 ยังมีนักการเมือง “ตกยุค” หลุดมาอยูในโลก “New Normal”

          คำเตือนจาก “บิ๊กตู่” กลุ่มการเมืองที่กำลังเคลื่อนไหวน่าจะรู้ตัวแล้ว เกมชิงอำนาจจากกลุ่ม 4 กุมาร ภายใต้การนำของ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกรัฐมนตรี ไม่ง่ายอย่างที่คิด    

          สมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตร ยังติดยึดยุทธศาสตร์การเมืองแบบเดิมๆ 

          บทเรียนจากประวัติศาสตร์ทางการเมือง นับตั้งแต่ “สมศักดิ์”แยกตัวออกมาจากไทยรักไทย ตั้งพรรคมัชฌิมาธิปไตย กระทั่งถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค ไม่ได้ทำให้หลักคิดทางการเมืองพัฒนาให้ทันกับโลกสมัยใหม่

          ย้อนไปหลังการสิ้นสลายของไทยรักไทย ของ ทักษิณ ชินวัตร  กลุ่ม “สมศักดิ์” แยกตัวออกมาตั้ง “พรรคมัชฌิมา” มีแนวคิดร่วมงานการเมืองกับพรรคประชาราช ของ เสนาะ เทียนทอง และกลุ่ม “พินิจ จารุสมบัติ” เพื่อจะตั้ง “พรรคเพื่อแผ่นดิน” โดยมี สุรเกียรติ์ เสถียรไทย เป็นผู้ประสานการรวมกลุ่มดังกล่าว แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ

          ต่อมาในปี 2550 “กลุ่มมัชฌิมา” ได้เข้าร่วมกับพรรคประชาราช โดยที่ “กลุ่มมัชฌิมา” ทั้งหมดย้ายเข้ามาอยู่ในประชาราช  แต่เกิดปัญหาขัดแย้งเรื่องตำแหน่งหัวหน้า และนโยบายของพรรคระหว่าง  “เจ้าพ่อวังน้ำเย็น” และ ประชัย เลี่ยวไพรัตน์

          กลุ่มมัชฌิมาลาออกจากพรรคประชาราช และดึงเอา ประชัย ซึ่งเป็นฐานทางการเงินสำคัญของพรรคประชาราชออกมา โดยย้ายมาอยู่ “พรรคมัชฌิมา” และเปลี่ยนชื่อพรรคเป็น “พรรคมัชฌิมาธิปไตย” ชู “เสี่ยประชัย” เป็นหัวหน้าพรรค

          หลังเปิดตัวพรรคไม่นานก็เกิดความความขัดแย้งระหว่างฝ่าย “ประชัย” และ ส.ส.กลุ่มมัชฌิมา หลายครั้ง กระทั่ง “เสี่ยประชัย” ถูกกดดันหนัก ท้ายที่สุดต้องลาออกจากพรรค

          เมื่อ “ประชัย” ลาออกจากพรรค “อนงค์วรรณ เทพสุทิน” ภรรยา สมศักดิ์ ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคแทน และเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชน

          ต่อมาพรรคมัชฌิมาธิปไตย ถูกศาลรธน.วินิจฉัยให้ยุบพรรค จากข้อกล่าวหาที่ว่า สุนทร วิลาวัลย์ รองหัวหน้าพรรค และเป็นกรรมการบริหารพรรค ได้ก่อให้ผู้อื่นกระทำ สนับสนุน หรือรู้เห็นเป็นใจให้มีการซื้อเสียงและเพิกถอนสิทธิทางการเมืองของคณะกรรมการบริหารพรรคทั้งหมดเป็นเวลา 5 ปี  เมื่อ 2 ธ.ค.2551

          ปลายปี  2556  “สมศักดิ์” ยกก๊วนกลุ่มมัชฌิมา ออกจากพรรคภูมิใจไทย “ของเสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล เข้าซบพรรคเพื่อไทย เหตุมีความขัดแย้งระหว่าง “เสี่ยหนู-สมศักดิ์”

          ปี 2561  “สมศักดิ์-สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” นำทีมอดีตส.ส.กว่า 60 ชีวิต ย้ายเข้าพลังประชารัฐ ท่ามกลางการต้อนรับจาก “อุตตม-สนธิรัตน์” โดยผ่านการประสานจาก “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” ที่อุ้มชูล้างภาพลักษณ์ให้ดูดี

          ประสบการณ์การมืองที่โชกโชนของกลุ่มสามมิตร “พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ถึงรู้แต่ก็ต้องระวัง วันหนึ่ง “สามมิตร” ก็อาจทำกับ “บิ๊กป้อม” ไม่ต่างจากที่“เขา”ทำกับคนอื่น

          เพราะท้ายที่สุด คนกลุ่มนี้หวังแต่ตำแหน่งและอำนาจ จึงไม่คิดใครเป็นมิตรแท้!!!