ในการอยู่ร่วมกันของสังคมเมือง ไม่ว่าเมืองเล็กเมืองใหญ่ สิ่งที่ต้องกระทบกันย่อมจะต้องเกิดขึ้น แม้แต่ในองค์กรต่างๆก็เป็นเช่นนั้น ในโลกยุคนี้เป็นโลกแห่งการฟ้องเป็นโลกแห่งการประณาม เวลาที่มีผู้กระทำความผิดก็แห่กันนำลงโลกโซเซียล
แต่คนที่อยู่ใกล้ตัวกัน เกิดมีความเครียดแค้นเรา ทำร้ายเราอย่างแสนเจ็บปวด ย่อมไม่ใช่เรื่องที่ใครจะยอมรับได้ แน่นอนการทวงคืนย่อมเกิดขึ้น บางครั้งเราทำมาหากินอยู่ดีๆ อาจจะไปสะดุดตาปลาของใครบางคนเข้าโดยไม่รู้ตัว
เป็นธรรมดาที่จะต้องมีการนำมาถึงความเครียดแค้นชิงชัง ดูเหมือนการใช้ชีวิตในสังคมทุกวันนี้ยากเหลือเกิน แต่เรื่องลักษณะนี้ไม่ได้เพิ่งเกิดเพิ่งมีในสังคมยุคนี้ แต่เรื่องลักษณะนี้เกิดขึ้นมานานแสนนานนับจากโลกนี้กำหนดมีสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า “มนุษย์”
ถ้าเราเจอเหตุการณ์แบบนี้กับตัวเองจะแก้แค้นอย่างไรดีให้ศัตรูสยบได้ ในอาฆาตวินัยสูตร ตบ.๒๒/๑๖๑/๒๐๗ พระไตรปิฎกบาลี มีสอนเอาไว้ว่า ถ้ามีความอาฆาตเกิดขึ้นในใจเราเมื่อเราถูกกระทำ ให้เราสร้างความเมตตาต่อผู้มากระทำเรา ถ้าไม่พอก็ให้สร้างความกรุณาเห็นอกเห็นใจเขา ถ้ามีสองสิ่งนี้ในใจแล้ว ใจเรายังไม่สงบศัตรูก็ยังไม่สยบท่านว่าให้ทำใจไม่ต้องสนใจในเรื่องนั้นที่เขาทำร้ายเราและสุดท้ายถ้าใจเรายังไม่สงบศัตรูก็ยังไม่สงบท่านให้คำจำกัดความสั้นๆว่า
“เขาทำกับเรามันเป็นการสร้างกรรมของเขา แต่ถ้าเราตอบโต้เพื่อล้างแค้นเขามันเป็นกรรมของเรา”
ถ้าใจเราคิดได้แบบนี้ก็จะสงบลง ศัตรูก็จะสยบลงแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย อย่างชนิดที่เรียกว่า แพ้ภัยตัวเอง