คอลัมน์คันฉ่องส่องการเมือง ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3519 หน้า 16 ระหว่างวันที่ 3-6 พ.ย.2563 โดย...นาย NOVOTE
จุดจบบริวาร
'ทักษิณ'
เส้นทางชีวิตของเหล่าแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เดินมาถึงจุดอับของชีวิตอีกครั้ง เมื่อตกเป็นผู้ต้องหาในคดีบุกล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพเมื่อปี 2552 ที่จัดขึ้น ณ โรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท เมืองพัทยา สู้ถึงขั้นฎีกา
13 จำเลยในคดีมี 1.นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง 2.นายนิสิต สินธุไพร 3.นายพายัพ ปั้นเกตุ 4.นายวรชัย เหมะ 5.นายธนกฤต หรือ วันชนะ ชะเอมน้อย หรือเกิดดี 6.นายพิเชฐ สุขจินดาทอง 7.พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ 8.นายนพพร นามเชียงใต้ 9.นายสำเริง ประจำเรือ 10.นายวัลลภ ยังตรง 11.นายสิงห์ทอง บัวชุม 12.นายศักดา นพสิทธิ์ และ 13.นายสมญศฆ์ พรมภา
ขณะที่อีก 2 รายศาลได้พักคดีไว้ คือ พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ และนายสุรชัย แซ่ด่าน เนื่องจากหลบหนีไม่มาศาลแต่ต้น
11 กันยายน 2562 ศาลจังหวัดพัทยานัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีนี้ครั้งแรก โดยพิพากษาจำคุก 4 ปี ยืนตามศาลชั้นต้นและอุทธรณ์ คุมตัวนายศักดิ์ดา นพสิทธิ์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อชาติ เข้าเรือนจำทันที เพราะเป็นผู้ต้องหาเพียงรายเดียวที่มาฟังคำพิพากษา และยกฟ้องสมญศฆ์ เพราะเป็นเพียงมวลชนไม่ใช่แกนนำ
จำเลยหลายคนอ้างไม่ได้รับคำสั่งนัด ศาลจึงนัดมาฟังการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาอีกครั้งในวันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา แต่ 8 วันต่อมา 4 จำเลยคือ พายัพ พิเชฐ สิงห์ทอง และนพพร ตัดใจเข้ามอบตัวต่อศาล ถึงวันนัดมีจำเลยอีก 3 คน เดินทางมารับฟังคำพิพากษา คือ พ.ต.ท.ไวพจน์ นายสำเริง และนายวรชัย
แต่ 3 จำเลยยังดิ้น ก่อนศาลอ่านคำพิพากษา ได้ยื่นคำร้องขอถอนคำให้การใหม่ เปลี่ยนเป็นรับสารภาพ ศาลจึงเลื่อนอ่านคำพิพากษาไปเป็นวันฃที่ 3 ธันวาคมนี้ มีให้ลุ้นอีกเฮือกว่า จะยื้อประตูลูกกรงไปได้เพียงใด
หากแต่วันนัดอ่านคำพิพากษาครั้งที่ 2 ยังคงไร้เงาแกนนำ นปช. ตัวเป้ง คือ นายอริสมันต์, นายวัลลภ, นายวันชนะ และนายนิสิต โดยก่อนหน้านี้ “กี้ร์-อริสมันต์” และนายวัลลภ ที่ให้ทนายยื่นคำร้องพร้อมใบรับรองแพทย์มาแสดงต่อศาลว่า “ป่วย”
ครั้งนั้นศาลจังหวัดพัทยาพิจารณาคำร้องแล้วสั่งว่า ไม่ได้เป็นโรคร้ายแรง จึงไม่อนุญาตให้เลื่อนการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา และให้ออกหมายจับจำเลยทั้งสองเพื่อมาฟังคำพิพากษาศาลฎีกาคดีในวันดังกล่าว
ทนายของอริสมันต์แจงว่า ป่วยเป็นโรคเวียนศีรษะ มีอาการบ้านหมุน ลองนับดูตั้งแต่ 11 กันยายน ก็เป็นเวลาถึง 50 วัน ยังไม่มีใครเห็นหน้าแม้แต่คนเดียว ไม่รู้ว่า “พี่กี้ร์” ไปฉลองฮัลโลวีนอยู่ที่ไหน
ชะตาชีวิตของบริวาร “ทักษิณ ชินวัตร” แต่ละคนไม่ติดคุก ก็ต้องหลบหนีหัวชุกหัวชุน เช่นนี้เอง...