คปภ.ลงโทษปรับบริษัทประกันเหตุจ่ายเงินล่าช้า ยังต้องดำเนินคดีอาญาแทนผู้ร้องเรียนด้วยหรือไม่?

14 ธ.ค. 2568 | 09:09 น.
อัปเดตล่าสุด :14 ธ.ค. 2568 | 09:22 น.

คปภ.ลงโทษปรับบริษัทประกันเหตุจ่ายเงินล่าช้า ยังต้องดำเนินคดีอาญาแทนผู้ร้องเรียนด้วยหรือไม่? : คอลัมน์อุทาหรณ์จากคดีปกครอง โดย...นายปกครอง หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4,157

KEY

POINTS

  • คปภ. มีอำนาจเปรียบเทียบปรับบริษัทประกัน กรณีประวิงการจ่ายค่าสินไหมทดแทนล่าช้าตามกฎหมาย
  • ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า คปภ. ไม่มีอำนาจหน้าที่ในการดำเนินคดีอาญาฐานฉ้อโกงแทนผู้เอาประกันภัย เนื่องจากไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง
  • ผู้เอาประกันภัยที่ประสงค์จะดำเนินคดีอาญากับบริษัทประกัน จะต้องเป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนด้วยตนเอง

เชื่อว่าหลาย ๆ ท่าน คงถือกรมธรรม์กันหลายฉบับ ไม่ว่าจะเป็น ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ ประกันทรัพย์สิน หรือแม้กระทั่ง ประกันรถยนต์ ตามที่แต่ละคนให้ความสำคัญว่าจะเลือกทำประกันประเภทไหน วงเงินเท่าไร และกับบริษัทใด 

“ประกันชีวิต” นับเป็นประกันประเภทหนึ่งซึ่งเป็นที่นิยมด้วยความเป็นห่วงคนที่อยู่ข้างหลัง โดยมีลักษณะเป็นสัญญาที่ผู้รับประกันตกลงจ่ายเงินให้แก่ผู้รับประโยชน์ เมื่อผู้เอาประกันเสียชีวิต ทุพพลภาพ หรือครบกำหนดสัญญา ซึ่งมีด้วยกันหลายแบบ อาทิ ประกันชีวิตตลอดชีพ ประกันชีวิตสะสมทรัพย์ ประกันชีวิตบำนาญ และประกันชีวิตควบการลงทุน 

ประกันชีวิตจึงมีประโยชน์ในแง่การช่วยแบ่งเบาความเสี่ยง เป็นเครื่องมือวางแผนทางการเงินระยะยาว รวมทั้งยังสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย ประการสำคัญ ผู้ทำประกันควรต้องศึกษารายละเอียดของกรมธรรม์ประกันชีวิต ซึ่งระบุรายละเอียดความคุ้มครอง สิทธิประโยชน์ เบี้ยประกัน จำนวนเงินเอาประกัน รวมทั้งกำหนดเงื่อนไขและข้อตกลงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสัญญาประกันชีวิต 

เช่น ระยะเวลาคุ้มครอง วันที่เริ่มและสิ้นสุดสัญญา ความคุ้มครองหลัก (เสียชีวิต) และความคุ้มครองเพิ่มเติม เช่น การบาดเจ็บ การเจ็บป่วย หรือโรคร้ายแรง

ทว่า ... ปัญหาการจ่ายค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้รับประโยชน์ มักจะมีการร้องเรียนเกี่ยวกับการจ่ายไม่ถูกต้องตามสัญญา หรือ ความล่าช้าในการจ่ายต่อ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เรียกโดยย่อว่า “คปภ.” อยู่เสมอ เนื่องจากมีหน้าที่ในการกำกับและส่งเสริมธุรกิจประกันภัย ให้มีความมั่นคงและมีประสิทธิภาพ รวมถึงคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของผู้เอาประกันภัยและประชาชน 

ดังอุทาหรณ์จากคดีปกครองที่หยิบยกมาเล่าในฉบับนี้ ... ที่จะพาไปดูกรณีการจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาประกันชีวิตล่าช้า จนมีการร้องเรียนและฟ้องคดีต่อศาลตามมา 

โดยเรื่องราวของคดีดังกล่าวมีอยู่ว่า ... ผู้ฟ้องคดีได้ทำสัญญาประกันชีวิตกับบริษัทแห่งหนึ่ง ระยะเวลา 21 ปี จำนวนเงินเอาประกัน 300,000 บาท มีสัญญาพิเศษเพิ่มเติม และค่ารักษาพยาบาลรายวัน 

เมื่อครบระยะเวลาตามสัญญา บริษัทประกันได้แจ้งสิทธิประโยชน์ตามกรมธรรม์ โดยจะจ่ายเงินตามจำนวนที่เอาประกัน ผลประโยชน์ตามกรมธรรม์ แต่ผู้ฟ้องคดีเห็นว่า บริษัทไม่จ่ายเงินเพิ่มในอัตราร้อยละ 10 เมื่อครบทุก 3 ปี ตามสัญญา จึงเข้าร้องเรียนต่อ คปภ. และต่อมาได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลแพ่งแผนกคดีผู้บริโภค ซึ่งศาลพิพากษาว่า ผู้ฟ้องคดีมีสิทธิได้รับเงินตามข้อกำหนดในกรมธรรม์ และมีสิทธิรับเงินเพิ่มในส่วนที่ผู้ฟ้องคดีเรียกร้องซึ่งกำหนดอยู่ในสัญญาด้วย  

เมื่อบริษัทประกันจ่ายเงินตามคำพิพากษาศาลล่าช้า ผู้ฟ้องคดีจึงร้องเรียนต่อ คปภ. อีกครั้ง รวมทั้งขอให้ คปภ. ดำเนินคดีฐานฉ้อโกงกับบริษัทประกัน ตลอดจนขอให้สอบสวน และลงโทษเจ้าหน้าที่ของ คปภ. กรณีไม่ดำเนินการกับบริษัทดังกล่าวด้วย ซี่ง คปภ.ได้ชี้แจงผู้ฟ้องคดีว่าเจ้าหน้าที่มีหน้าที่เพียงไกล่เกลี่ยข้อพิพาทด้านประกันภัยเท่านั้น ไม่มีอำนาจหน้าที่รับคำร้องทุกข์ในคดีอาญา 

ผู้ฟ้องคดีเห็นว่า การที่ไม่พิจารณาเรื่องร้องเรียน และไกล่เกลี่ยข้อพิพาทดังกล่าวทำให้ผู้ฟ้องคดีได้รับความเสียหาย จึงยื่นฟ้อง สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ต่อศาลปกครอง เพื่อขอให้ชดใช้ค่าเสียหายพร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่ผู้ฟ้องคดี

คดีมีประเด็นที่ศาลต้องพิจารณาว่า ... คปภ. ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติในการพิจารณาเรื่องร้องเรียนของผู้ฟ้องคดี อันเป็นการกระทำละเมิดต่อผู้ฟ้องคดีหรือไม่ ?

ศาลปกครองสูงสุดพิจารณาแล้วเห็นว่า ตามที่ผู้ฟ้องคดีได้ร้องเรียนต่อ คปภ. ในครั้งแรก และต่อมาได้แจ้งความประสงค์ยุติเรื่องร้องเรียน เนื่องจากจะนำข้อพิพาทดังกล่าวไปฟ้องคดีต่อศาลแผนกคดีผู้บริโภค คปภ. จึงไม่มีหน้าที่ต้องดำเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทด้านประกันภัย ตามข้อร้องเรียนของผู้ฟ้องคดีอีกต่อไป 

เมื่อต่อมาศาลแพ่งมีคำพิพากษาถึงที่สุด ให้บริษัทประกันชำระเงิน แต่บริษัทประกันยังไม่ชำระ ผู้ฟ้องคดีจึงได้ร้องเรียนต่อ คปภ. อีกครั้ง อันเป็นกรณีที่มีการร้องเรียนเกี่ยวกับการชดใช้เงินตามกรมธรรม์ประกันภัย ซึ่ง คปภ. ในฐานะผู้มีอำนาจหน้าที่กำกับการประกอบธุรกิจประกันภัย เห็นว่า อาจเข้าข่ายฝ่าฝืนบทบัญญัติมาตรา 37 แห่งพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ. 2535 ที่ห้ามบริษัทประวิงการใช้เงินหรือการจ่ายค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เอาประกัน จึงเรียกบริษัทดังกล่าวมาชี้แจงและเร่งรัดการชำระเงิน  

หลังจากนั้น บริษัทประกันก็ได้นำเงินไปวางศาลซึ่งล่วงพ้นระยะเวลาที่กำหนดในคำบังคับแล้ว อันเป็นความผิดฐานประวิงการใช้เงินตามสัญญาประกันชีวิตให้แก่ผู้เอาประกันภัยตามข้อ 2 (8) ของประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลาที่ถือว่าเป็นการประวิงการใช้เงิน หรือประวิงการคืนเบี้ยประกันภัยของบริษัทประกันชีวิต ลงวันที่ 4 มกราคม 2558 จึงนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการเปรียบเทียบตามพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ. 2535 

โดยคณะกรรมการพิจารณาแล้ว มีมติให้เปรียบเทียบปรับบริษัท เป็นเงิน 250,000 บาท และให้เปรียบเทียบปรับเป็นโทษปรับรายวัน วันละ 5,000 บาท รวม 15 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 325,000 บาท ซึ่งทางบริษัทได้ชำระค่าปรับดังกล่าวแล้ว อีกทั้งได้มีการประกาศหรือโฆษณาการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการประกันชีวิต เผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ของ คปภ. อันเป็นการดำเนินการตามมาตรา 117/2 แห่งพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันชีวิต (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 

กรณีจึงเป็นการดำเนินการตามข้อร้องเรียนจนเสร็จสิ้น ตามอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายกำหนดไว้แล้ว และไม่อาจถือได้ว่า คปภ. ละเลยต่อหน้าที่ ในการจัดให้มีการพิจารณาข้อร้องเรียนและดำเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทแต่อย่างใด 

                                          คปภ.ลงโทษปรับบริษัทประกันเหตุจ่ายเงินล่าช้า ยังต้องดำเนินคดีอาญาแทนผู้ร้องเรียนด้วยหรือไม่?

สำหรับการดำเนินคดีอาญากับบริษัทประกันฐานฉ้อโกงนั้น เนื่องจากมิใช่กรณีกรรมการบริษัทประกันฉ้อโกงบริษัท ที่กฎหมายให้อำนาจ คปภ. ในการร้องทุกข์ในฐานะผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เพื่อให้มีการดำเนินคดีอาญากับกรรมการหรือบุคคลซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของบริษัท  

ฉะนั้น กรณีตามที่ผู้ฟ้องคดีร้องขอนั้น คปภ. มิใช่ผู้เสียหายที่จะไปร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนแทนผู้ฟ้องคดีได้ แต่เป็นเรื่องที่ผู้ฟ้องคดีต้องไปร้องทุกข์กล่าวโทษด้วยตนเอง กรณีจึงไม่เป็นการกระทำละเมิดต่อผู้ฟ้องคดีตามมาตรา 420 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ศาลปกครองสูงสุดจึงพิพากษายืนตามศาลปกครองชั้นต้นที่ยกฟ้อง (คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อร. 93/2568) 

สรุปได้ว่า ... คดีดังกล่าวศาลได้วินิจฉัยให้เห็นถึงขอบเขตของอำนาจหรือบทบาทหน้าที่ของ คปภ. ในการดำเนินการตามข้อร้องเรียนกับบริษัทประกันชีวิตตามกฎหมายว่าด้วยประกันชีวิต อาทิ 
การดำเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทด้านประกันภัยตามข้อร้องเรียน การเปรียบเทียบปรับบริษัทประกันที่ประวิง

การใช้เงินแก่ผู้เอาประกัน ส่วนการดำเนินคดีกับบริษัทประกันฐานฉ้อโกงนั้น จะต้องเป็นกรณีกรรมการบริษัทฉ้อโกงบริษัท คปภ. จึงจะถือเป็นผู้เสียหายที่จะไปร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนได้ กรณีผู้เอาประกันประสงค์จะดำเนินคดีอาญากับบริษัทประกันจึงต้องร้องทุกข์กล่าวโทษด้วยตนเองครับ ...     

ปรึกษาคดีปกครองได้ที่ “สายด่วนศาลปกครอง 1355”

คอลัมน์อุทาหรณ์จากคดีปกครอง โดย...นายปกครอง หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4,157