มาเก๊าต้องการลดบทบาทกาสิโนจริงหรือ? (จบ)

14 ธ.ค. 2568 | 06:31 น.
อัปเดตล่าสุด :14 ธ.ค. 2568 | 06:42 น.

มาเก๊าต้องการลดบทบาทกาสิโนจริงหรือ? (จบ) : คอลัมน์มังกรกระพือปีก โดย... ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4157

KEY

POINTS

  • มาเก๊าพยายามลดการพึ่งพาเศรษฐกิจจากกาสิโนอย่างจริงจัง ผ่านแผนพัฒนา “1+4 อุตสาหกรรมเกิดใหม่” เพื่อสร้างความหลากหลายและลดความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ
  • แผนพัฒนามุ่งเน้น 4 อุตสาหกรรมใหม่ ได้แก่ เทคโนโลยีและการผลิตขั้นสูง, การแพทย์แผนจีน, วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว, และการเงินสมัยใหม่ โดยตั้งเป้าให้มีสัดส่วนต่อ GDP รวมที่ 65% ภายในปี 2029
  • การพัฒนาอาศัยการบูรณาการกับเขตเหิงฉิน ซึ่งเป็นพื้นที่ใหม่ที่ช่วยขยายการลงทุน สร้างโครงสร้างพื้นฐาน และดึงดูดบุคลากรที่มีทักษะเพื่อรองรับอุตสาหกรรมใหม่

การได้พื้นที่เพิ่มเติมมากกว่า 3 เท่าของพื้นที่เดิมดังกล่าว ทำให้มาเก๊ามีพื้นที่ขนาดใหญ่สำหรับหลายสิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไปสู่อุตสาหกรรมใหม่ 

เพื่อลดผลกระทบต่อเศรษฐกิจของ มาเก๊า ที่เปิดกว้าง แต่ก็มีขนาดเล็กยามที่ต้องเผชิญกับความท้าทาย จากปัจจัยความเสี่ยงทางเงิน วิกฤติด้านการสาธารณสุข ปัจจัยเชิงภูมิรัฐศาสตร์ และอื่นๆ

 

รัฐบาลมาเก๊าจึงได้พยายามขยายขนาดเศรษฐกิจผ่านแผนพัฒนาอุตสาหกรรรมปี 2025-2029 (ซึ่งปีสิ้นสุดแผนพัฒนาฯ จะเป็นปีครบรอบ 30 ปี ของการคืนสู่มาตุภูมิ) บนแนวคิดหลัก “1+4 อุตสาหกรรมเกิดใหม่” อันได้แก่ การวิจัยและพัฒนาด้านเทคโนโลยีและการผลิตขั้นสูง แพทย์แผนจีนและมาเก๊า วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว และการเงินสมัยใหม่

เพื่อผลักดันให้การพัฒนาฯ เกิดเป็นรูปธรรมและบรรลุเป้าหมายที่เกี่ยวข้อง แผนพัฒนาฯ “มาเก๊าใหม่” (มาเก๊าเดิมและเขตเหิงฉิน) กำหนดโมเดลการพัฒนาคุณภาพสูงแบบบูรณาการ ที่เชื่อมโยง “แพลตฟอร์มมาเก๊า + ทรัพยากรระหว่างประเทศ + พื้นที่เหิงฉิน + ผลลัพธ์ร่วม”

ทั้งนี้ แผนพัฒนาฯ มีจุดมุ่งหวังหลายประการ และคาดว่าจะนำไปสู่การดำเนินโครงการมากมาย ที่ทำให้ระบบนิเวศที่เหมาะสมเกิดขึ้นตามมา ประการแรกได้แก่ การกระจายเศรษฐกิจ (Economic Diversification) จากแผนพัฒนา “อุตสาหกรรมหนักแบบดั้งเดิม” ไปสู่ “4 อุตสาหกรรมเกิดใหม่” ดังกล่าว 

ส่วนนี้ถือเป็นเป้าหมายหลักของการพัฒนา โดยมุ่งหวังที่จะเพิ่มบทบาทของ “เครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่” ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของมาเก๊าอย่างต่อเนื่อง และกำหนดเป้าหมายใหญ่ให้อุตสาหกรรมเกิดใหม่มีสัดส่วนแตะระดับ 65% ต่อจีดีพีโดยรวมของมาเก๊าภายในปี 2029 ซึ่งเป็นปีสิ้นสุดแผนพัฒนาฯ 

ประการที่ 2 การจัดตั้งกองทุนอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี นั่นหมายความว่าจะมีการจัดตั้ง “กองทุนอุตสาหกรรม” และ “กองทุนการปรับโครงสร้างเพื่อผลลัพธ์ด้านเทคโนโลยี” กองทุนเหล่านี้ช่วยดึงดูดการลงุทนภาคเอกชน และสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนาของธุรกิจมาเก๊า

กระแสข่าวยังระบุว่า รัฐบาลมาเก๊าพร้อมจะจัดสรรเงินงบประมาณถึง 9,000 ล้านหยวน ตลอดช่วงแผนพัฒนาฯ ดังกล่าว แก่กิจการที่สนับสนุนโดยมาเก๊า (Macao-Funded Enterprises) ในการลงทุนในเหิงฉิน

ประการที่ 3 การกำหนดนโยบาย “เปิดกว้าง” แบบบูรณาการระหว่างมาเก๊า และ เหิงฉิน ผ่านการปรับปรุงกฎหมายกฎระเบียบ และ เขตปลอดอากร อันนำไปสู่การผ่อนคลายกฎระเบียบด้านการประกอบธุรกิจ เพื่อช่วยให้สินค้าและบริการสามารถเคลื่อนย้ายระหว่างกันได้สะดวกและคล่องตัวยิ่งขึ้น อาทิ ใบอนุญาตในการเข้าถึงตลาด และ ป้ายทะเบียนรถยนต์มาเก๊า 

ประการที่ 4 การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกผ่านหลายโครงการใหญ่ อาทิ โครงการสวนอุตสาหกรรมวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี (Science and Technology R&D Industrial Park) เขตสนับสนุนสตาร์ตอัพ อาทิ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ และอี-สปอร์ต ที่จะเป็นเวทีในการบ่มเพาะการวิจัยร่วม ระหว่าง มาเก๊า และ เหิงฉิน และเขตวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมระหว่างประเทศ (Macao International Comprehensive Tourism and Cultural Zone) รวมไปถึงการขยายการลงทุนก่อสร้างรถไฟฟ้ารางเบา และ ท่าเรือเหิงฉิน

ทั้งนี้ ในส่วนของเอกชน โครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ อย่าง “Macao New Neighborhood” ที่ถือเป็นโครงการแรกที่มุ่งเป้าจับตลาดชาวมาเก๊า ที่ต้องการเข้าไปอาศัยในเขตเหิงฉิน โครงการนี้มีจำนวน 4,000 ยูนิต สามารถรองรับผู้อยู่อาศัยจำนวน 12,000-15,000 คน 

สนนราคาต่อตารางเมตรอยู่ที่เพียง 30,000 หยวน ซึ่งนับว่าถูกมาก เมื่อเทียบกับ 80,000 หยวน ของอสังหาริมทรัพย์ในมาเก๊า รวมทั้งยังประกอบด้วยร้านค้า โรงเรียน คบีนิก และศูนย์บริการผู้สูงอายุไว้พร้อมสรรพ 
ประการที่ 5 การเสริมสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจอย่างบูรณาการ โดยอาศัยแนวคิด “หนึ่งศูนย์กลาง หนึ่งแพลตฟอร์ม”

พื้นที่เหิงฉินจะถูกสร้างเป็น “คลัสเตอร์มหาวิทยาลัย” เพื่อสบับสนุนการวิจัยและพัฒนาและการผลิตขั้นสูงในอุตสาหกรรมเป้าหมายในอนาคต และการยกระดับเป็นศูนย์กลางระดับโลกด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ความมีชีวิตชีวาทางวัฒนธรรม นวัตกรรมดิจิตัล และบริการทางการเงิน

นั่นหมายความว่า นอกจากพื้นที่ในเหิงฉินถือเป็นตัวเลือกยอดนิยมในการเป็นที่อยู่อาศัยของชาวมาเก๊าในช่วงหลายปีหลังแล้ว ยังเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการพัฒนามหาวิทยาลัย ศูนย์วิจัยและพัฒนา สถานดูแลสุขภาพ และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นที่มีประสิทธิภาพ ความสะดวกสบาย และมูลค่าเพิ่ม 

ประการที่ 6 การขยายการจ้างงาน แผนฯ จะนำไปสู่การผลักดันความร่วมมือด้านการจ้างงาน ระหว่างมาเก๊า และเขตอื่นใน GBA โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขตเหิงฉิน เพื่อดึงดูดคนที่มีทักษะเข้าไปทำงานในอุตสาหกรรมใหม่ในพื้นที่ อาทิ การให้เงินอุดหนุนแก่คนที่จบการศึกษาและทำงานในพื้นที่มากกว่า 4,000 หยวนต่อเดือน แผนพัฒนาฯ ยังกำหนดเป้าหมายที่ต้องการเพิ่มจำนวนบุคลากรคุณภาพสูงในเหิงฉินเป็น 20,000 คนภายในปี 2029

ประการที่ 7 การต่อยอดศักยภาพทางเศรษฐกิจที่มีอยู่ แผนพัฒนาฯ ยังจะพยายามดึงเอา “จุดแข็ง” ของมาเก๊าที่ซ่อนอยู่มาต่อยอดด้วย อาทิ การพัฒนาเป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวและพักผ่อนระดับโลก

และความร่วมมือทางการค้าระหว่างจีนแผ่นดินใหญ่-มาเก๊าที่ไม่ต้องเสียภาษีศุลกากร และความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีนกับประเทศที่พูดภาษาโปรตุเกส อาทิ โปรตุเกส บราซิล และหลายประเทศในแอฟริกา ที่รวมกันมากกว่า 260 ล้านคน 

ทั้งนี้ สถิติระบุว่า ในระหว่างปี 2012-2025 ความพยายามในการลดบทบาทของกาสิโน ในระบบเศรษฐกิจของมาเก๊า ก็เกิดเป็นรูปธรรมโดยลำดับ เศรษฐกิจของมาเก๊าสามารถลดสัดส่วนของรายได้จากธุรกิจนี้ต่อจีดีพีลดลง จาก 94% ในปี 2012 เหลือ 58% 2025 

                       มาเก๊าต้องการลดบทบาทกาสิโนจริงหรือ? (จบ)

แต่ดูเหมือนว่านั่นเป็นเพียงความสำเร็จใน “ระยะต้น” เท่านั้น เพราะต่อจากนี้ไป “มาเก๊าใหม่” จะเร่งดึงเอาประโยชน์ในระดับที่สูงขึ้นจากโอกาสทางธุรกิจที่รออยู่ ทั้งในตลาดจีนแผ่นดินใหญ่และต่างประเทศ ในด้านนวัตกรรมผ่านการวิจัยและพัฒนาและการผลิตขั้นสูง เช่น อุปกรณ์อัจฉริยะ อินเตอร์เน็ตแห่งสรรพสิ่ง อิเล็กทรอนิกส์ ซอฟท์แวร์ และ ปัญญาประดิษฐ์ รวมทั้งห้องปฎิบัติการร่วม

ด้านการแพทย์แผนจีนและมาเก๊า ที่จะนำไปสู่การส่งเสริมผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์มาเก๊า “Macao-TCM Brand” นั่นหมายถึงการลงทุนในโรงงานผลิตยาและอาหารสุขภาพ และแพลตฟอร์มการทดสอบ และรับรองมาตรฐานยาเพื่อส่งออกไปยังตลาดเป้าหมายในต่างประเทศ ผ่านแพลตฟอร์มการค้าออนไลน์ข้ามพรมแดน

นั่นหมายความว่า การพัฒนาส่วนนี้ยังอาจนำไปสู่การสนับสนุนส่งเสริมยาจีนแปรรูป ผลิตภัณฑ์สุขภาพ และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และศูนย์ทดสอบผลิตภัณฑ์ยาข้ามแดน

ด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว จะนำไปสู่การพัฒนาเขตท่องเที่ยววัฒนธรรมสากลและอี-สปอร์ต การดึงงานการประชุมและนิทรรศการขนาดใหญ่ และศิลปะการแสดง รวมทั้งการพัฒนาระบบเรือสำราญและบริการเรือท่องเที่ยว ขณะเดียวกัน ด้านการเงินสมัยใหม่ เราก็น่าจะเห็นการส่งเสริมการเงินข้ามพรมแดน กองทุนร่วมลงทุน การพัฒนาบริการการเงินแก่กิจการบิ๊กเทค การเงินสีเขียว และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง 

อีกสิ่งหนึ่งที่อาจจะเห็นก็คือ ท่ามกลางการลดบทบาทและการใช้พื้นที่ของ “กาสิโน” ในระบบเศรษฐกิจของมาเก๊า พื้นที่เหล่านั้นก็จะ “เปิดกว้าง” และถูกปรับเปลี่ยนไปสู่ “เวทีใหม่” สำหรับอุตสาหกรรมเกิดใหม่ และนำไปสู่โครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ในอนาคต

ภายหลังการคิดและทำ “นอกกรอบ” ดังกล่าว เราคงต้องติดตามกันต่อว่า ความเป็น “เมืองแห่งความฝัน” ของมาเก๊าที่ไม่มี “กาสิโน” เป็นปัจจัยหลักในสมการของการพัฒนาเศรษฐกิจ และหันไปพึ่งพา “เครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่” ที่มีความยั่งยืนจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ อย่างไรครับ ...

คอลัมน์มังกรกระพือปีก โดย... ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4157