จาก 'ยักษ์วัดแจ้งปะทะยักษ์วัดโพธิ์' สู่ 'ทอท.' ฟัด 'เจ้าสัวเซ็นทรัล'

27 ส.ค. 2562 | 11:23 น.

คอลัมน์ข่าวห้ามเขียน ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3500 หน้า 20 ระหว่างวันที่ 29-31 ส.ค.2562 โดย... พรานบุญ

 

จาก 'ยักษ์วัดแจ้งปะทะยักษ์วัดโพธิ์'

สู่ 'ทอท.' ฟัด 'เจ้าสัวเซ็นทรัล'       

 

          วันนี้พรานฯจะชวนมาดูตำนานเรื่องเล่า กำเนิดท่าเตียน ที่เล่าปากต่อปากกันมาว่า บริเวณท่าเตียนอันเป็นพื้นที่โล่งเตียนนั้นเป็นผลจากการต่อสู้ของ “ยักษ์วัดแจ้ง” กับ “ยักษ์วัดโพธิ์” โดยมี “ยักษ์วัดพระแก้ว” เป็นผู้ห้ามทัพ

          กำเนิดท่าเตียน มีว่า ยักษ์วัดโพธิ์ซึ่งทำหน้าที่ดูแลวัดโพธิ์ และยักษ์วัดแจ้งซึ่งทำหน้าที่ดูแลวัดแจ้งหรือวัดอรุณฯ ฝั่งตรงข้ามนั้น ยักษ์ทั้ง 2 ตนเป็นเพื่อนรักกัน วันหนึ่งทางฝ่ายยักษ์วัดโพธิ์ไม่มีเงินจึงข้ามแม่นํ้าเจ้าพระยาไปขอยืมเงินจากยักษ์วัดแจ้ง พร้อมทั้งนัดวันที่จะนำเงินไปส่งคืน

          เมื่อถึงกำหนดส่งเงินคืน ยักษ์วัดโพธิ์กลับไม่ยอมจ่ายหนี้ เบี้ยวเอาเสียดื้อๆ ยักษ์วัดแจ้ง รอแล้วรอเล่าจนทนไม่ไหว จึงตัดสินใจข้ามแม่นํ้าเจ้าพระยามาทวงเงินคืน แต่ยักษ์วัดโพธิ์ไม่ยอมคืนเงินให้ เถียงกันไปเถียงกันมา

          ในที่สุดยักษ์ทั้ง 2 ตน จึงเกิดการทะเลาะวิวาทตัดญาติขาดมิตร ถึงขั้นต่อสู้กัน ด้วยรูปร่างที่ใหญ่โตมหึมา และมีฤทธิเดชกำลังมหาศาลของยักษ์ทั้ง 2 ตน เมื่อต่อสู้กันจึงทำให้ต้นไม้ในบริเวณนั้นถูกยักษ์ทั้ง 2 เหยียบยํ่าจากการใช้กระบองหวดกระหนํ่าจนล้มระเนระนาดตายลงหมด

          หลังจากที่เลิกต่อสู้กันแล้ว บริเวณที่ยักษ์ทั้ง 2 ประลองกำลังกันนั้น จึงราบเรียบเป็นหน้ากลองกลายเป็นสถานที่ที่โล่งเตียนไปหมด ไม่มีอะไรหลงเหลือ ตามตำนานไม่มีข้อสรุปว่า ยักษ์วัดไหนเป็นฝ่ายชนะ

          ครั้นเมื่อพระอิศวร ทราบเรื่องราวการต่อสู้กันของ 2 ยักษ์ใหญ่ที่สนั่นฟ้าสะเทือนปฐพี ทำให้บรรดามนุษย์และสัตว์ทั้งหลายในบริเวณนั้นเดือดร้อน จึงได้ลงโทษโดยการสาปให้ยักษ์ทั้ง 2 ตน กลายเป็นยักษ์หินตัวใหญ่เขี้ยวแหลมโง้ง มือทั้งสองกุมไม้กระบองเป็นอาวุธ

          แล้วให้ยักษ์วัดโพธิ์ ทำหน้าที่ยืนเฝ้าหน้าพระอุโบสถ วัดโพธิ์ และให้ยักษ์วัดแจ้ง ทำหน้าที่ยืนเฝ้าพระวิหาร วัดแจ้ง เพื่อพิทักษ์ปกป้องคุ้มครองสถูปสถาน และอาคารศักดิ์สิทธิ์ เพื่อเป็นการคํ้าชูพระพุทธศาสนาให้มั่นคงและเจริญรุ่งเรือง และรักษาวัดเรื่อยมา

          ฤทธิ์จากการสู้รบของยักษ์ทั้งคู่ที่ทำชุมชนละแวกนี้ราบเรียบเป็นหน้ากลอง ชาวบ้านพากันเรียกขานว่า “ท่าเตียน” เรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้

          “ยักษ์วัดแจ้ง” มี 2 ตน ยักษ์ด้านเหนือกายสีขาว มีชื่อว่า “สหัสเดชะ” ส่วนยักษ์ด้านใต้กายสีเขียว มีชื่อว่า “ทศกัณฐ์” ยืนเฝ้าที่ประตูซุ้มยอดมงกุฎทางเข้าพระอุโบสถ วัดอรุณราชวรารามฯ

          “ยักษ์วัดโพธิ์” มีเพียง 2 คู่ 4 ตนเท่านั้น คือ ยักษ์กายสีแดง, ยักษ์กายสีเขียว, ยักษ์กายสีเทา และยักษ์กายสีเนื้อ ตั้งอยู่หน้าซุ้มประตูทางเข้าพระมณฑป หอไตรจตุรมุข ของวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามฯ (วัดโพธิ์)

          ภาพตัดมายังกาลเวลา ณ ปัจจุบัน คราวนี้เหตุมิได้เกิดขึ้นที่ท่าเตียน หากแต่ย้ายสมรภูมิการสู้รบมาอยู่ที่ย่านบางนา-ตราด ริมถนนใหญ่ทางเชื่อมต่อเข้าสนามบินสุวรรณภูมิ

          การสู้รบออกหมัดซัดกันนัวมิได้เกิดขึ้นด้วยนํ้ามือของ “ยักษ์ขาว-ยักษ์เขียว” เขี้ยวโง้งถือกระบองใหญ่ หากแต่เกิดจาก นํ้ามือนํ้าใจมนุษย์  ที่แสนสุดลึกลํ้าเหลือกำหนด ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในนํ้าใจคน!

          พรานฯพามาดูเหตุเกิดขึ้นจากการที่บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ดำเนินการก่อสร้างศูนย์การค้าเซ็นทรัล วิลเลจ ลักชัวรี เอาต์เลต เพื่อนำสินค้ากว่า 140 ยี่ห้อมาจำหน่ายแก่คนไทย นักท่องเที่ยวก่อนเดินทางออกนอกประเทศ บนพื้นที่ 100 ไร่เศษ ด้วยเงินลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาท โดยคาดหมายว่าจะสามารถดึงนักท่องที่ยวเข้ามาซื้อสินค้าได้ปีละ 10 ล้านคน โดยกำหนดการจะเปิดให้บริการวันที่ 31 สิงหาคม 2562

          22 สิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา ฝ่ายบริหารของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT สั่งการให้เจ้าหน้าที่นำเอาเต็นท์ รถยนต์หลายร้อยคันและแบร์ริเออร์ไปปิดทางเข้าออกโครงการศูนย์การค้าเซ็นทรัล วิลเลจ ลักชัวรี เอาต์เลต เพื่อขัดขวางการเข้าไปในพื้นที่ของผู้รับเหมา หรือเจ้าของร้านค้าต่างๆ ที่ต้องการเข้าไปในพื้นที่เพื่อตกแต่งร้านค้าให้ทันกำหนดวันเปิดให้บริการ

          เหตุผลจากฟากฝั่ง AOT ชี้ชัดว่าพื้นที่บริเวณดังกล่าวนี้ถือเป็นพื้นที่ “เขตการบิน” การที่เซ็นทรัลจะมาวางระบบท่อประปา ตัดทางเข้าเชื่อมต่อกับถนนใหญ่ในบริเวณนี้ไม่สามารถอนุญาตให้ดำเนินการได้

          ทอท.กินดีหมีหัวใจเสือออกมาเตะตัดขาเจ้าสัวกลุ่มเซ็นทรัลอย่างไม่กลัวหน้าอินทร์หน้าพรหม ซึ่งนี้มิใช่ปรากฏการณ์ธรรมดา หากแต่มีเดิมพันทางธุรกิจปีละแสนล้านบาทเข้ามาเกี่ยวข้อง

          อีเห็นขยายความกับคำถามทำไมว่า...วันที่ 27 สิงหาคม 2561 บริษัทท่าอากาศยานไทยฯ เปิดให้เอกชนประมูลสัมปทานดิวตี้ฟรีในสนามบินสุวรรณภูมิที่ห่างจากจุดเกิดเหตุไปไม่ถึง 15 กิโลเมตร ปรากฏว่าเอกชนหลายรายสนใจเข้าประมูล เซ็นทรัลคือหนึ่งในนั้น แต่พอเปิดซองประกวดราคากลับพ่ายเจ้าเดิมคือกลุ่มคิงเพาเวอร์ที่ยอมจ่ายค่าสัมปทานให้กับทอท.ปีละ 15,240 ล้านบาทเศษ

          คนอื่นประมูลควักจ่ายให้รัฐก้อนโต อีกรายไม่ยอมจ่าย แต่มาเปิดร้านขายของแข่งกับคู่สัญญาหน้าประตูบ้านแบบนี้ ในยุทธภพอันกว้างไกลไม่ใครก็ใครแหละครับต้องถูกเตะแน่นอน!

          นิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. บอกว่า การที่ทอท.นำเต็นท์และแบร์ริเออร์ไปปิดพื้นที่ทางเข้าโครงการ เซ็นทรัล วิลเลจ เป็นการทำตามหน้าที่ ทางซีพีเอ็นบุกรุกที่ราชพัสดุ ที่อยู่ในส่วนการดูแลของทอท. ซึ่งการรุกลํ้าก็ว่าไปตามผิด เปิดทางให้ไม่ได้ ถ้าทางซีพีเอ็นเคลียร์ได้ว่าไม่ผิด โครงการถูกต้อง ก็จะพิจารณาถอนเต็นท์ให้

          ทางกลุ่มเซ็นทรัลพัฒนา ก็สู้หนักทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมเกี่ยวกับการขออนุญาตตัดคันหินทางเท้าเพื่อทำทางเชื่อมโครงการศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอาต์เลต ต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และดำเนินการร้องอุทธรณ์ต่อศาลปกครอง และฟ้องร้องต่อศาลแพ่งเอาผิดกับทาง ทอท.

          กลุ่มเซ็นทรัลอ้างว่า ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 370 มีสถานะเป็นทางหลวงแผ่นดิน ตามมาตรา 6 ประกอบมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. 2535 อยู่ในอำนาจหน้าที่กำกับดูแล ตรวจตรา และควบคุม ของอธิบดีกรมทางหลวง เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภททรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน  บุคคลทั่วไป รวมถึงบริษัทจึงย่อมมีสิทธิใช้ประโยชน์

          บริษัทขออนุญาตตัดคันหินทางเท้าเพื่อทำทางเชื่อมเข้า-ออกทางหลวง เป็นสิทธิอันชอบด้วยกฎหมายของเจ้าของที่ดินที่อยู่ติดกับเขตทางหลวง ตามมาตรา 37 แห่งพ.ร.บ. ทางหลวงฯ และปัจจุบันมีผู้ได้รับอนุญาตจากกรมทางหลวงให้ตัดคันหินทางเท้าเพื่อทำทางเชื่อมเข้า-ออกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 370 แล้ว ถึง 37 ราย 

          และมีผู้ที่ทำทางเชื่อมเข้า-ออกอีกกว่า 50 รายที่ดำเนินการโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงเห็นได้อย่างชัดแจ้งว่า การขออนุญาตเพื่อทำทางเชื่อมเข้า-ออกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 370 นั้น เป็นสิ่งที่พึงกระทำได้โดยชอบตามกฎหมาย บริษัทได้ดำเนินการหารือไปยังกรมธนารักษ์ และได้รับแจ้งจากกรมธนารักษ์ว่า ไม่ขัดข้องกับการดำเนินการดังกล่าวเช่นเดียวกัน

          เอาละสิพี่น้องไทย ยักษ์ใหญ่ทางธุรกิจสู้กันหนักขนาดนี้ คุณคิดว่าใครจะชนะ และท้าวมาลีวราชจะตัดสินอย่างไร มันพะยะค่ะ!

          เดิมพันครั้งนี้เกี่ยวพันกับรายได้จากธุรกิจดิวตี้ฟรีปีละ 120,500 ล้านบาท กำไรสุทธิปีละ 7,954 ล้านบาททีเดียวละพ่อคุณเอร้ย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Big Story สงคราม 'ทอท.-เซ็นทรัลฯ'