บทบรรณาธิการ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3484 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 4-6 ก.ค.2562
ปฏิรูปการเมือง
เริ่มที่นักการเมือง
การจัดตั้งรัฐบาลเพื่อขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดินหลังการเลือกตั้งทั่วไป ที่จัดขึ้นตั้งแต่ 24 มีนาคม 2562 ที่สร้างความเบื่อหน่ายแก่ประชาชนเวลานี้ หาใช่เหตุจากความล่าช้าจากขั้นตอนที่ต้องมีเพิ่มขึ้น จากระบบการเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนแบบผสมตามกฎหมายใหม่ไม่ หากแต่เกิดจากพฤติกรรมแย่งชิงตำแหน่งเก้าอี้ไม่รู้จบสิ้นของนักการเมืองต่างหาก ที่ทำให้ประชาชนเอือมระอาการเมืองยิ่งขึ้นทุกที
การเคลื่อนไหวชิงเก้าอี้รัฐมนตรีระหว่างการจัดตั้งรัฐบาล เป็นภาพที่ปรากฏตลอดมาของการเมืองไทย แต่การต่อรองตำแหน่งครั้งล่าสุดที่กลุ่มสามมิตรในพรรคพลังประชารัฐ รวมพลขับไล่เลขาธิการพรรค ประกาศเงื่อนไข 5 ข้อต่อรอง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่พรรคพลังประชารัฐ เองสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมคำขู่ทบทวนบทบาทนั้น เป็นความขัดแย้งรุนแรงถึงขั้นพรรคแตก
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถึงกับต้องออกมาแถลงถึงประชาชน ซึ่งมีไม่บ่อยครั้งและต้องเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วนเท่านั้น เพื่อขอโทษประชาชนที่การจัดตั้งรัฐบาลมีปัญหาไม่ลงตัว จนทำให้ประชาชนรู้สึกเบื่อหน่ายสภาพการเมืองที่เกิดขึ้น พร้อมยํ้าว่าสิ่งที่กำลังดำเนินการเป็นก้าวแรกของการปฏิรูปการเมือง เพื่อไม่ต้องกลับไปแก้ไขด้วยวิธีการแบบเดิมที่ไม่มีใครอยากให้เกิด
การต่อรองตำแหน่งดังกล่าวของนักการเมืองล้วนอ้างว่าเพื่อจะได้ทำงานให้ประชาชนตามที่ได้ให้สัญญาไว้ขณะหาเสียงเลือกตั้ง แต่ยังคงเคลื่อนไหวไม่หยุด ทั้งที่รู้ว่าประเทศชาติกำลังเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ขณะที่เครื่องยนต์ขับเคลื่อนชีพจรเศรษฐกิจของชาติอ่อนแรงลงถ้วนหน้า ไม่ว่าจะเป็นกำลังซื้อของประชาชน การใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่ไม่มีการตัดสินใจโครงการใหม่ๆ ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ภาคเอกชนชะลอการตัดสินใจลงทุน รอดูความชัดเจนการจัดตั้งรัฐบาล จึงยิ่งซํ้าเติมภาพลบให้ประเทศ ฉุดความเชื่อมั่นดิ่งลงอีก
ถูกต้องแล้วที่ว่าสถานการณ์นี้ท้าทายภาวะผู้นำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างแหลมคม ในฐานะนายกรัฐมนตรีที่ต้องนำคณะรัฐมนตรีเข้าแบกรับภาระของชาติ การจัดทีมเข้ามาทำงานจึงเป็นความรับผิดชอบโดยตรง แม้ตามรัฐธรรมนูญจะให้รัฐบาล คสช.เดิมบริหารประเทศอยู่ต่อไปจนกว่ารัฐบาลชุดใหม่จะเข้ารับตำแหน่ง แต่ภาวะการเป็นรัฐบาลช่วงเปลี่ยนผ่านก็มีข้อจำกัดและมีต้นทุนเพิ่มขึ้นตามลำดับ หากจำเป็นต้องกล้าตัดสินใจยุติสถานการณ์ตามระบบ ไม่ว่าจะเป็นการลาออกหรือยุบสภา
ในยุคปฏิรูปที่ทุกภาคส่วนต้องปรับเปลี่ยนเพื่อให้เกิดสิ่งใหม่ที่ดีกว่าแก่สังคมชาติ การเมืองเป็นหนึ่งในปัญหาหลักที่ต้องเร่งมือปฏิรูปกันอย่างเร่งด่วน และต้องเริ่มที่ปฏิรูปนักการเมือง ที่ต้องยึดถือประโยชน์ชาติยิ่งกว่าประโยชน์ตนและประโยชน์พรรค และทำจริงอย่างที่พูด