เมื่อ‘ไพร่รับใช้เจ้า’บอกกล่าว‘ไพร่หมื่นล้าน’ ว่าจะไร้ราคาเมื่อเป็นซ้าย‘ปัญญาอ่อน’!! (1)

17 มี.ค. 2561 | 08:08 น.
อัปเดตล่าสุด :17 มี.ค. 2561 | 15:08 น.
TP14-3348-4B ก่อน 6 ตุลาคม 2519 ทั่วทั้งแผ่นดินไทย มี “การสู้รบ” กระจายไปทั้งแผ่นดิน เพราะแตกแยกกันทางความคิด ฝ่ายหนึ่งเรียกว่า “ขวา” เอา “สถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์” เป็นที่ตั้ง อีกฝ่ายเรียกว่า “ซ้าย” เอา “อุดมการณ์คอมมิวนิสต์” เป็นที่ตั้งต้องการเปลี่ยนแปลงสังคมให้ผู้คนเท่าเทียมกัน

หลัง 6 ตุลาคม 2519 พี่ “ฝ่ายขวา” บ้าคลั่งฆ่านักศึกษาประชาชนกลางเมือง จน “ฝ่ายซ้าย” และนักศึกษาประชาชนผู้รักความเป็นธรรมต้องหนีตายเข้าป่าไปร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์

นับจากนั้นคนไทยก็ “ฆ่า” กันเอง เพราะการแตกแยกทางความคิดนับ 10,000 คน

สถิติเหล่านี้ไม่ได้ถูกบันทึกไว้อย่างเป็นทางการ แต่ตามหมู่บ้านแนวชายป่าจนถึงเขตฐานที่มั่น ของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยมีการฆ่ากันตายทุกวันนับ 10 นับ 100 คน ยาวนานถึง 8 ปี ความแตกแยก จนนำไปสู่การ “ฆ่า”กันนี้จึงยุติลงอย่างสิ้นเชิง!!!

[caption id="attachment_267984" align="aligncenter" width="503"] ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ[/caption]

เวลานั้น “ไพร่หมื่นล้าน” อย่าง “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” อาจจะยังไม่เกิดหรือเป็นแค่เด็กทารก

“ไพร่” อย่าง “สนธิญาณ” แม้จะอายุเพียง 17-18 ปี ก็หนีไม่พ้นที่ต้องได้รับผลจากความขัดแย้งนั้น ญาติพี่น้องถูกเจ้าหน้าที่รัฐอุ้มฆ่าหรือหายสาบสูญอย่างไร้ร่องรอย

การต่อสู้เริ่มต้นด้วยความแค้นจากการสูญเสีย!!!!

จึงต้องให้การสนับสนุน “พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย” ที่ญาติพี่น้องนี้เข้าไปสังกัดในเขตป่าเขาไปโดยปริยาย ตั้งแต่ขนย้ายอาวุธ หาเสบียงส่งเข้าป่า

จากนั้นจึงเข้า “จัดตั้ง” ศึกษาทฤษฎี “คอมมิวนิสต์” อย่างจริงจัง!!!

เริ่มตั้งแต่ปรัชญา “วัตถุนิยมวิภาษวิธี” ไปจนถึง “ทฤษฎีวัตถุนิยมประวัติศาสตร์” ฯลฯ

เชื่อว่าสิ่งที่ศึกษาเป็น “วิทยา ศาสตร์” เป็นความจริงอย่างไม่ต้อง สงสัยที่ความขัดแย้งทั้งหลายมาจาก “ปัจจัยการผลิต” ที่นำไปสู่การกำหนด “โครงสร้างทางเศรษฐกิจ” และ “ระบอบการปกครอง” ทางการเมือง!!!

เมื่อแผ่นดินเป็นสิ่งสำคัญในระบบเศรษฐกิจแบบการเกษตร ใครครอบครองแผ่นดินผู้นั้นจึงมีอำนาจ

แบนเนอร์ชั่วโมงฐานเศรษฐกิจ01-3-1 ผู้เป็นหัวหน้าของสังคมและครอบครองแผ่นดินเพียงผู้เดียวจึงได้ชื่อว่า “พระเจ้าแผ่นดิน” ส่วนผู้ที่เป็นเครื่องไม้เครื่องมือในการปกครองมี “แผ่นดิน” ที่พระเจ้าแผ่นดินมอบให้ครอบครองตามยศศักดิ์จึงเรียกว่า “ศักดินา”!!!!

ประชาชนผู้คนทั้งหลายที่ลงมือลงไม้ในการทำงานเรียกว่า “ไพร่” !!!!

“ไพร่” คือที่ไม่ได้เป็น “ทาส” หรือเป็นเจ้าขุนมูลนาย มีชีวิต อิสระ มีบ้านเรือน มีครอบครัว มีศักดินา 10-25 ไร่ แต่ต้องสังกัดมูลนาย จะ โยกย้ายสังกัดไม่ได้เพราะเป็นส่วนหนึ่งของการปกครอง

“ไพร่” ที่ขึ้นสังกัดหรือสักเลกแล้ว จะปรากฏเครื่องหมายสังกัด ที่ข้อมือ หากใครไม่ได้สังกัดมูลนายจะไม่ได้รับการคุ้มครองจากกฎหมาย ไพร่มีหน้าที่ในการถูกเกณฑ์แรงงาน หรือเสีย “ส่วย” และถูกเกณฑ์ทหารในยามที่มีศึกสงคราม มี 2 ประเภทคือ ไพร่หลวง และ ไพร่สม

“ไพร่หลวง” คือไพร่ที่สังกัดกรมกองต่างๆ เป็นไพร่ของพระมหากษัตริย์โดยตรง ประเภทที่ต้องถูกเกณฑ์มาทำงานตามราชการกำหนด และประเภทที่ต้องเสียเงินหรือสิ่งของมาแทนการเกณฑ์แรงงาน หรือที่เรียกว่า “ไพร่ส่วย” การส่งเงินมาแทนการเกณฑ์แรงงาน เงินที่ส่งมาเรียกว่า “เงินค่าราชการ”

[caption id="attachment_267985" align="aligncenter" width="503"] สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม[/caption]

“ไพร่สม” เป็นไพร่ที่พระมหากษัตริย์พระราชทานให้มูลนายและขุนนางที่มีตำแหน่งทางราชการเพื่อผลประโยชน์ตอบแทน มูลนายจะมีไพร่มากน้อยขึ้นอยู่กับ ยศ ตำแหน่ง ศักดินา ไพร่สมต้องทำงานให้ราชสำนัก
ปีละ 1 เดือน ส่วนเวลาที่เหลือรับใช้มูลนายหรือส่งเงินแทน เมื่อถึงยามสงครามทุกคนต้องเป็นทหารป้องกันอาณาจักร เมื่อมูลนายถึงแก่กรรมไพร่สมจะถูกโอนมาเป็นไพร่หลวง นอกจากบุตรจะขอควบคุมไพร่สมต่อจากบิดา

นี่คือที่มาของคำว่า “ไพร่”!!!!

“ธนาธร” และเหล่าสหายนักวิชาการจะ “อิน” กับ “ความเป็นไพร่” ที่ได้ถูกสร้างวาทกรรมขึ้นมาอีกครั้งจาก “ระบอบทักษิณ”

จะ “อิน” กับ “ความเท่าเทียมกันของคน” ตามปรัชญาและทฤษฎีของ “คาร์ล มาร์กซ์” ต้นตำรับของคอมมิวนิสต์ทั้งหลายที่ได้สรุปเอาไว้ใน “คำประกาศเจตนาคอมมิวนิสต์” ว่า...

“ประวัติศาสตร์ของสังคมทั้งหมดที่ผ่านมาจนกระทั่งถึงบัดนี้ ล้วนแต่เป็นประวัติศาสตร์แห่งการต่อสู้ทางชนชั้น”!!!

เขียนเรื่องนี้ต้องเขียนยาว “สนธิญาณ” ไพร่ตัวจริงที่วันนี้ “รับใช้เจ้า” ส่วน “เจ้า” จะใช้หรือไม่ใช้ไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะการพลิกผันจากฝ่ายที่เคยคิด “โค่นล้มเจ้า” นั้น การเปลี่ยนผันความคิดเพราะมาก “ความรํ่ารวย” ที่มีเงินทองมากขึ้นหรือ “ธรรมะ” ก็ต้องสาธยายกันต่อไป!!!!

ส่วน “ธนาธร” ไพร่หมื่นล้าน ที่มีอุดมการณ์แห่งความเท่าเทียมนั้น เป็นเพราะมิติความลุ่มลึกทางทฤษฎีและความคิดหรือเป็น “อัตตา” ที่แค่ได้สัมผัสทฤษฎีก็เชื่อว่าโลกทั้งโลกอยู่ในมือ แต่ไม่เคยรู้และเข้าใจว่าการต่อสู้ทางชนชั้นที่แท้จริงนั้นคืออะไร!!!!

แต่ก็ขอสดุดี “ความกล้าหาญ” ของการประกาศตัว!!!!! (โปรดติดตามตอนต่อไป)

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,348 วันที่ 15 - 17 มีนาคม พ.ศ. 2561
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว