"กอน." เคาะราคาอ้อยขั้นต้นปี 65/66 ที่ 1,080 บาท/ตัน ดันรายได้ชาวไร่

07 ก.พ. 2566 | 04:50 น.

"กอน." เคาะราคาอ้อยขั้นต้นปี 65/66 ที่ 1,080 บาท/ตัน ดันรายได้ชาวไร่ เผยกังวลเปิดหีบไปแล้ว 64 วัน พบลอบเผาอ้อยกว่า 15 ล้านตัน

นายภานุวัฒน์ ตริยางกูรศรี รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม รักษาการเลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) มีมติรับรองการประกาศราคาอ้อยขั้นต้นปีการผลิต 2565/66 ที่ราคา 1,080 บาทต่อตัน ณ ระดับความหวานที่ 10 ซี.ซี.เอส. อัตราขึ้นลง อยู่ที่ 64.80 บาทต่อ 1 หน่วย ซี.ซี.เอส และผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทราย ที่ราคา 462.86 บาทต่อตัน 

ทั้งนี้ ได้ผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นหรือประชาพิจารณ์จากเกษตรกรชาวไร่อ้อย โรงงานน้ำตาล และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ตามมาตรา 50 แห่งพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. 2527 เรียบร้อยแล้ว โดยจะเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบโดยเร็ว ก่อนที่จะประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
 

อย่างไรก็ดี ที่ประชุม กอน. ยังได้มีการเน้นย้ำถึงการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองของประเทศที่เกิดจากการเผาอ้อย ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ของประเทศไทยค่อนข้างวิกฤต และสาเหตุหนึ่งมาจากการลักลอบเผาอ้อยก่อนตัดส่งโรงงาน ทาง ครม.  จึงกำหนดเป้าหมายลดการเผาอ้อยในฤดูการผลิตปี 2565/2566 เป็น 0% พร้อมเน้นย้ำให้ชาวไร่และโรงงานน้ำตาลร่วมมือกับภาครัฐเพื่อคืนอากาศบริสุทธิ์ให้กับคนไทยในช่วงที่ต้องเผชิญกับโควิด-19 และยังเป็นการหนุนภาคเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว 

จังหวัดที่มีอ้อยถูกลักลอบเผาสูงสุด สำหรับข้อมูลล่าสุดตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2565 – 2 กุมภาพันธ์ 2566 พบว่ามีปริมาณอ้อยเข้าหีบแล้วกว่า 52 ล้านตัน และในจำนวนนี้เป็นอ้อยที่ถูกลักลอบเผากว่า 15 ล้านตัน หรือคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 29.93% พบว่ามี 5 จังหวัดที่เผาอ้อยสูงสุด ได้แก่ 

  • นครราชสีมา 2.03 ล้านตัน 
  • อุดรธานี 1.25 ล้านตัน 
  • กาฬสินธุ์ 1.21 ล้านตัน 
  • เพชรบูรณ์ 1.09 ล้านตัน 
  • สุพรรณบุรี 1.03 ล้านตัน

ส่วน 5 กลุ่มบริษัทที่รับอ้อยเผามากสุด ได้แก่ 

  • กลุ่มบริษัทไทยรุ่งเรือง (10 โรง) 3.06 ล้านตัน 
  • กลุ่มบริษัทมิตรผล (7 โรง) 2.87 ล้านตัน 
  • กลุ่มบริษัทน้ำตาลขอนแก่น (5 โรง) 1.57 ล้านตัน 
  • กลุ่มบริษัทวังขนาย (4 โรง) 1.33 ล้านตัน 
  • กลุ่มบริษัทเกษตรไทย (3 โรง) 0.90 ล้านตัน

“จากสัดส่วนการลักลอบเผาอ้อยที่เพิ่มขึ้นถือเป็นสถานการณ์ที่ค่อนข้างวิกฤต ทั้งสถานการณ์ด้านสภาพอากาศที่ได้รับผลกระทบจากการเผาไหม้ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนและภาคการท่องเที่ยว อีกทั้งยังสะท้อนได้อย่างชัดเจนว่ามีชาวไร่และโรงงานน้ำตาลจำนวนหนึ่งที่ไม่ให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการลดปริมาณอ้อยที่ถูกลักลอบเผา กระทรวงอุตสาหกรรมจะร่วมบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดำเนินการกับเกษตรกรชาวไร่ที่ลักลอบเผา และโรงงานน้ำตาลที่สนับสนุนการเผา”