KEY
POINTS
"คิงเพาเวอร์" เดินหน้าสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชนไทยและยกระดับคุณค่าของงานคราฟต์ท้องถิ่นสู่ความยั่งยืน ผ่านงาน KING POWER CELEBRATION 2026 THE POWER GIFTIVAL เปิดพื้นที่ Giftival Market และ Thai Workshop ภายใต้แนวคิด “เรียนรู้–ลงมือทำ–เข้าใจคุณค่า” ผสานหลักคิด Circular Design ตอบโจทย์เทรนด์ของขวัญปีใหม่ ด้วยการสนับสนุนงานฝีมือไทย
พร้อมไฮไลท์ “ต้นคริสต์มาสสไตล์ไทยโมเดิร์น” ตกแต่งด้วยผ้าขาวม้าและงานคราฟต์จากชุมชนทั่วประเทศ สะท้อนพลังการเชื่อมโยงวัฒนธรรม ชุมชน และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในช่วงเทศกาลปลายปี 2568
โดยในปี 2568 นี้ คิง เพาเวอร์ ได้ให้ความสำคัญกับการยกระดับความยั่งยืนของชุมชนไทย ผ่านการใช้ทรัพยากรท้องถิ่นอย่างมีคุณค่า การพัฒนาทักษะด้านการออกแบบร่วมสมัย การสร้างรายได้กลับสู่ท้องถิ่น และเปิดโอกาสให้ชุมชนได้เข้าถึงตลาดใหม่ ๆ บนพื้นที่จริงภายในงาน
การจัด Giftival Market เริ่มตั้งแต่วันนี้ – 4 มกราคม 2569 เพื่อให้ลูกค้าเลือกซื้อของขวัญที่สะท้อนอัตลักษณ์ไทย พร้อมช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากอย่างเป็นรูปธรรม และหนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของงานคือ “ต้นคริสต์มาสแห่งการเชื่อมโยง” ที่ถ่ายทอดความร่วมมือระหว่าง คิง เพาเวอร์ และชุมชน ผ่านงานฝีมือกว่า 10,000 ชิ้น จากหลายจังหวัด
เช่น ตุงไส้หมูและตุงไส้หมูแวววาวจากจังหวัดเชียงใหม่ ตุงผ้า 12 นักษัตรและผ้าขาวม้าจากจังหวัดราชบุรี รวมถึงตุ๊กตาม้าจากจังหวัดมหาสารคาม ซึ่งต่างสะท้อนภูมิปัญญา และทักษะฝีมืออันละเอียดประณีตของชุมชนไทยอย่างทรงพลัง
นอกจากนี้ ยังเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้สัมผัส Craft ไทยจากแหล่งกำเนิดภูมิปัญญาผ่าน Thai Workshopระหว่างวันที่ 18–28 ธันวาคม 2568 เวลา 12:00–17:00 น. โดยผู้ประกอบการจาก 6 ชุมชนร่วมถ่ายทอดทักษะอย่างใกล้ชิด เช่น การประดิษฐ์ “ม้าโชคดี” จากเศษผ้าขาวม้าของแบรนด์ Pahkahmah Thailand,
เพ้นท์พวงกุญแจจาก Nineshop99, ทำเครื่องประดับเงินกับช่างฝีมือจาก ดอยซิลเวอร์ จังหวัดน่าน, ประกอบสร้อยไข่มุกจาก PRIMA PEARL, เพ้นท์เซรามิกศิลาดลจากเชียงใหม่ ศิลาดล และประดิษฐ์เครื่องประดับหินจากบ้านช้างดีไซน์ จังหวัดชลบุรี
นอกจากนี้ ยังเปิดพื้นที่ให้ชุมชนได้ “เล่าเรื่องด้วยตัวเอง” สะท้อนถึงผลลัพธ์ด้านความยั่งยืนที่จับต้องได้ ดังนั้น Giftival Market และ Thai Workshop จึงเป็นพื้นที่สร้างโอกาสที่เชื่อมงานฝีมือไทยเข้ากับตลาดจริง เปิดช่องทางให้ชุมชนเข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง เพิ่มรายได้ พัฒนาทักษะด้านการออกแบบ และต่อยอดคุณค่าทางวัฒนธรรมได้อย่างเป็นรูปธรรม
“รัตติยา กล่ำบุญ” ตัวแทนจากบ้านช้างดีไซน์ จังหวัดชลบุรี กล่าวว่า ศิลปะไม่ใช่เพียงความสวยงาม แต่เป็นช่องทางสร้างรายได้และความภาคภูมิใจให้กับชุมชน เช่น การถ่ายทอดเทคนิคเพ้นท์ผ้ามัดย้อม รวมถึงการร้อยหินทำเป็นเครื่องประดับ ทำให้ชาวบ้านมีรายได้เสริมที่มั่นคง และเห็นคุณค่าของฝีมือตัวเองอีกครั้ง
“ทัศนีย์ ยะจา” ตัวแทนจาก ชเชียงใหม่ ศิลาดล จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ศิลปะคือพื้นที่ของวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมที่ต้องเดินไปพร้อมกัน อย่างศิลาดลก็เป็นจิตวิญญาณของล้านนา เรานำแนวคิด Circular Design และการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาเชื่อมกับงานเซรามิก เพื่อให้ศิลาดลยังคงร่วมสมัย และส่งต่อวัฒนธรรมของภาคเหนือให้ถึงคนรุ่นใหม่ได้อย่างลึกซึ้ง
“ชัยพฤกษ์ รุ่งรชตะวาณิช” จากดอยซิลเวอร์ จังหวัดน่าน กล่าวว่า การสืบทอดภูมิปัญญาคือหัวใจของความยั่งยืน “ดอยซิลเวอร์สืบทอดงานเครื่องเงินมามากกว่า 70 ปี วันนี้เราให้ความสำคัญกับการฝึกเยาวชน เพื่อให้ทักษะนี้อยู่คู่ชุมชนต่อไปควบคู่กับการสร้างอาชีพด้วยวัสดุท้องถิ่น
ทั้งนี้ KING POWER CELEBRATION 2026 THE POWER GIFTIVAL คือภาพสะท้อนของ Social Impact ที่เกิดขึ้นจริง และสอดคล้องกับสิ่งที่ คิง เพาเวอร์ดำเนินการมาตลอดกว่า 30 ปี ทั้งการคัดสรรสินค้าไทยเข้าสู่ร้านค้า การจัดพื้นที่ให้ชุมชนได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ การให้คำปรึกษาและพัฒนาสินค้าให้ร่วมสมัยและได้มาตรฐาน
ตลอดจนยกระดับผู้ประกอบการให้ก้าวสู่ตลาดสากล (Exportable) ผ่านองค์ความรู้ด้านการออกแบบ บรรจุภัณฑ์ และการตลาด เพื่อสนับสนุนการเติบโตของชุมชนอย่างยั่งยืน ทั้งสนับสนุนชุมชนด้วยช่องทางจำหน่ายที่แข็งแกร่งทั้งออฟไลน์และออนไลน์ พร้อมการวิเคราะห์ยอดขายเพื่อพัฒนาสินค้า
อย่างไรก็ตาม การสนับสนุนผู้ประกอบการไทย ให้มีโอกาสนำเสนอผลงานต่อผู้บริโภคโดยตรง จะสามารถช่วยผลักดันสินค้าไทยหลากหลายประเภท ตั้งแต่อาหาร สุขภาพและความงาม แฟชั่น แอ็กเซสซอรี่ ไปจนถึงของตกแต่งบ้านและของที่ระลึก เข้าสู่ร้านค้าดิวตี้ฟรี ร้านแท็กซ์ฟรี และคอมเพล็กซ์ของ คิง เพาเวอร์
รวมถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และภูเก็ต ตอกย้ำความเชื่อว่า “ความยั่งยืนต้องเกิดขึ้นจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน” และ คิง เพาเวอร์ จะยังคงเดินหน้าผลักดันCraft ไทยและสินค้าชุมชนให้เติบโตสู่ตลาดที่กว้างขึ้น พร้อมผลักดันการเรียนรู้และพัฒนาผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อ