'ซีเอ็ด' ปรับทัพรับเศรษฐกิจซบ รุกดิจิทัล–Non-book โตแรง เดินหน้ารีโนเวท-ขยายสินค้าครีเอทีฟ

10 ธ.ค. 2568 | 03:14 น.
อัปเดตล่าสุด :10 ธ.ค. 2568 | 03:36 น.

'ซีเอ็ด' ปรับทัพรับเศรษฐกิจซบ กำลังซื้อหด รุกดิจิทัล–Non-book โตแรง 20% เดินหน้าขยายสินค้าครีเอทีฟ-รีโนเวทร้านสู่ “Creative Lifestyle Playground”

KEY

POINTS

  • ซีเอ็ดปรับกลยุทธ์ครั้งใหญ่เพื่อรับมือกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและกำลังซื้อที่ลดลง
  • มุ่งเน้นการเติบโตในช่องทางดิจิทัลและสินค้ากลุ่ม Non-book ที่ขยายตัวสูงกว่า 10-20% เพื่อขับเคลื่อนรายได้ 
  • เดินหน้าปรับปรุงสาขาหน้าร้านสู่คอนเซ็ปต์ "Creative Lifestyle Playground" พร้อมขยายสินค้าไลฟ์สไตล์และครีเอทีฟเพื่อดึงดูดลูกค้า

นายรุ่งกาล ไพสิฐพานิชตระกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยข้อมูลกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ภาพรวมธุรกิจตลอด 10 เดือนที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่ต้อง “เร่งปรับตัวครั้งใหญ่” ของอุตสาหกรรมหนังสือ ท่ามกลางกำลังซื้อที่ชะลอลงและการแข่งขันที่เปลี่ยนแปลงเร็ว แต่ธุรกิจของบริษัทยังสามารถรักษาการเติบโตในหลายเสาหลัก โดยเฉพาะตลาดโรงเรียน ดิจิทัล และสินค้า Non-book ซึ่งกลายเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนผลประกอบการของบริษัทในปีนี้

กลุ่มตลาดโรงเรียนยังคงเป็น “ฐานรายได้ที่แข็งแรงที่สุด” เติบโตต่อเนื่องเกือบแตะระดับสองหลัก โดยเฉพาะหนังสือและสื่อการเรียนรู้ด้านภาษาอังกฤษที่ยังเป็นผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท ขณะที่ช่องทางออนไลน์และดิจิทัลเติบโตมากกว่า 20% ในปีนี้ สะท้อนพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคที่ขยับสู่โลกออนไลน์อย่างต่อเนื่อง แม้เศรษฐกิจโดยรวมยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ก็ตาม

สำหรับสินค้า Non-book เป็นกลุ่มที่มีการเติบโตโดดเด่นทุกไตรมาส โดยไตรมาสล่าสุดเติบโตมากกว่า 10% และยังคงเป็นโอกาสสำคัญที่บริษัทจะขยายตลาดต่อไป เนื่องจากผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสนใจกับสินค้าไลฟ์สไตล์ อุปกรณ์ครีเอทีฟ และสื่อพัฒนาการมากขึ้น ทำให้ต้องขยายหมวด Creative Product ควบคู่กับหนังสือ เพื่อสร้างความหลากหลายและตอบโจทย์ลูกค้าทุกวัย

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจร้านหนังสือหน้าร้านยังได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจอย่างชัดเจน ยอดซื้อต่อบิลเฉลี่ยลดลงราว 5% และจำเป็นต้องเร่งปรับโมเดลร้านค้าให้ทันกับเทรนด์ของคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z และ Gen Alpha ที่ต้องการประสบการณ์มากกว่าการซื้อสินค้าเพียงอย่างเดียว บริษัทจึงพัฒนาคอนเซ็ปต์ใหม่อย่าง “Creative Lifestyle Playground” เพื่อสร้างบรรยากาศการเลือกซื้อที่สนุกขึ้น และเพิ่มพื้นที่สำหรับสินค้าไลฟ์สไตล์ งานอาร์ต และกิจกรรมสร้างสรรค์ต่าง ๆ

กลยุทธ์ Creative Lifestyle Playground พื้นที่รวบรวมหนังสือ ผลงานดีไซน์ ป๊อปคัลเจอร์ และสินค้าไลฟ์สไตล์ สร้างขึ้นจาก Insight ที่พบว่าลูกค้าไม่ได้มองหาร้านหนังสือแบบเดิมอีกต่อไป แต่ต้องการพื้นที่ที่ให้ประสบการณ์ ความคึกคัก และแรงบันดาลใจ โดยบริษัทนำเทรนด์หลักอย่างเทรนด์แมว สายมู งานอาร์ต และงาน DIY มาผสมผสานเข้ากับคอนเทนต์หนังสือ เพื่อให้ร้านหนังสือกลายเป็น “สนามเล่นไอเดีย” ของทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นเด็ก วัยรุ่น หรือครอบครัว

นายรุ่งกาล ไพสิฐพานิชตระกูล

โดยปัจจุบันมีสาขาทั้งหมด 176 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งมากที่สุดในธุรกิจร้านหนังสือไทย โดยปีหน้าบริษัทมีแผนจะรักษาจำนวนสาขาให้อยู่ในช่วง 160–170 แห่ง พร้อมปรับโมเดลร้านและปิดสาขาที่ซ้ำซ้อนหรือมีกำลังซื้อต่ำประมาณ 5–6 แห่ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหาร พร้อมกันนั้นยังเตรียมขยายสาขา Pop-up ในทำเลศักยภาพ เช่น ห้างใหม่หรือพื้นที่จัดงาน เพื่อเข้าถึงลูกค้าได้คล่องตัวยิ่งขึ้น

ฐานลูกค้าของซีเอ็ดประกอบด้วย 3 กลุ่มหลัก คือ เด็ก วัยรุ่น และคนทำงาน/ครอบครัว ซึ่งมีสัดส่วนใกล้เคียงกัน และเป็นเหตุผลที่บริษัทต้องกระจายหมวดสินค้าให้ครอบคลุมทั้งหนังสือเรียน มังงะ วรรณกรรม ไลฟ์สไตล์ ไปจนถึงหนังสือพัฒนาตัวเองและการเงิน ปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 2.1ล้านราย โดยฐานสมาชิกเติบโตปีละราว 1 แสนบัญชี ช่วยให้บริษัทสามารถทำแคมเปญแบบเฉพาะกลุ่มได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

'ซีเอ็ด' ปรับทัพรับเศรษฐกิจซบ รุกดิจิทัล–Non-book โตแรง เดินหน้ารีโนเวท-ขยายสินค้าครีเอทีฟ

สำหรับแนวโน้มปีหน้า มองว่าเทรนด์หนังสือจะเปลี่ยนเร็วขึ้น โดยลิขสิทธิ์ต่างประเทศยังคงนำตลาด ขณะที่หนังสือเรียนและหนังสือองค์ความรู้ยังเติบโตต่อเนื่อง ส่วนตลาดวัยรุ่นเติบโตเด่นในสองแกน คือหนังสือสอบ และมังงะ/วรรณกรรม ซึ่งเป็นภาพสะท้อนว่าคนรุ่นใหม่ใช้การอ่านทั้งเพื่อพัฒนาและเพื่อความบันเทิง

ส่วนปัจจัยเสี่ยงสำคัญคือภาวะเศรษฐกิจและช่องว่างระหว่างผู้ผลิตคอนเทนต์กับความสนใจของคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นโจทย์ที่ทั้งร้านหนังสือและสำนักพิมพ์ต้องเร่งปรับตัว อยากเสนอว่าภาครัฐควรมีนโยบายส่งเสริมการอ่านอย่างจริงจัง เพราะ “การอ่าน” คือรากฐานของทักษะมนุษย์และเป็นมรดกระยะยาวที่ช่วยให้ประเทศพัฒนาได้อย่างยั่งยืน ทั้งในเชิงการศึกษาและเศรษฐกิจสร้างสรรค์