สรรพากรพร้อมส่งหนังสือเตือน ‘ทักษิณ’ จ่ายภาษี 1.76 หมื่นล้าน

18 พ.ย. 2568 | 23:02 น.

สรรพากร พร้อมทำหนังสือเตือน ’ทักษิณ‘ ภายใน 2 สัปดาห์ เรียกจ่ายภาษี 1.76 หมื่นล้าน ปมหุ้นชินคอร์ป ย้ำไม่มีการเมืองแทรกแซง

KEY

POINTS

  • กรมสรรพากรเตรียมส่งหนังสือแจ้งเตือนให้นายทักษิณ ชินวัตร ชำระภาษีคดีขายหุ้นชินคอร์ป พร้อมเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม รวม 1.76 หมื่นล้านบาท
  • การดำเนินการดังกล่าวเป็นผลจากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ตัดสินว่าการประเมินภาษีของกรมสรรพากรชอบด้วยกฎหมาย
  • หากนายทักษิณไม่ชำระหนี้ตามกำหนด กรมสรรพากรจะดำเนินการสืบทรัพย์ ยึดอายัดทรัพย์สินทั้งในและต่างประเทศ และอาจฟ้องล้มละลายในขั้นตอนสุดท้าย

หลังจากวันที่ 17 พ.ย.68 ศาลฎีกามีคำพิพากษา กลับคำพิพากษาของศาลภาษีอากรกลางและศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ เห็นว่าการประเมินภาษีของกรมสรรพากรในกรณีการขายหุ้น บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ของ นายทักษิณ ชินวัตร เป็นการดำเนินการโดยชอบตามกฎหมาย

ส่งผลให้กรมสรรพากรมีอำนาจจัดเก็บ ภาษี เบี้ยปรับ และเงินเพิ่ม รวม 1.76 หมื่นล้านบาท ตามหนังสือแจ้งภาษี ภ.ง.ด.12 ลงวันที่ 28 มีนาคม 2560

ล่าสุด แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กรมสรรพากรยืนยันพร้อมปฏิบัติตามขั้นตอนกฎหมายปกติ และคำพิพากษาของศาลอย่างเคร่งครัด โดยหลังจากนี้กรมสรรพากร จะรอรับคำพิพากษาฉบับทางการจากอัยการ 

และขั้นตอนหลังจากนั้นภายใน 2 สัปดาห์ หรืออย่างช้าไม่เกินสิ้นเดือนพ.ย.68 นี้ ในทางปฏิบัติ กรมสรรพากรจะมีหนังสือแจ้งเตือนส่งให้นายทักษิณ เพื่อชำระหนี้อีกครั้งหนึ่งตามระเบียบ 

ทั้งนี้ หากมีการชำระหนี้ครบก็จะจบคดีด้วยดี แต่หากชำระไม่ครบถ้วน หรือไม่ชำระ กรมสรรพากรก็จะดำเนินการสอบสวนทรัพย์  ยึด หรืออายัดทรัพย์สินเพิ่มเติมทำคู่ขนานกันไป  หลังจากที่ได้มีการประเมินภาษีไปแล้ว โดยจะครอบคลุมทั้งอสังหาริมทรัพย์ สังหาริมทรัพย์ เงินสด และสิทธิ์ที่เรียกต่างๆ เช่น หุ้น และบัญชีเงินฝาก 

นอกจากนี้ จะใช้ข้อตกลงแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการเงินทั่วโลกกับ 113 ประเทศภาคี ทำการตรวจสอบบัญชีเงินฝาก หุ้น หรือกองทุนที่อยู่ต่างประเทศ เพื่อให้ทราบทรัพย์สินในต่างประเทศด้วย

“กรมสรรพากร ยืนยันว่าได้ดำเนินการทุกอย่างด้วยความเป็นธรรม ตามอำนาจหน้าที่และกฎหมาย โดยไม่ได้ถูกแทรกแซงโดยทางการเมือง ทั้งนี้ กรมต้องการให้สังคมรับรู้หลักการทำงาน ว่าได้ยึดหลักความเท่าเทียม ไม่มีการเลือกปฏิบัติโดยทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน“

สำหรับกระบวนการสืบสวน ยึดอายัด ขายทอดตลาด กรมได้ดำเนินการต่อเนื่องตั้งแต่ ปี 2563 และระหว่างนี้ก็สามารถทำเพิ่มเติมได้ต่อเนื่อง ไปอีก 10 ปี จนกว่าจะครบกำหนดอายุ ในปี 2578 และท้ายสุดหากยังไม่สามารถชำระหนี้ได้ครบ กรมสรรพากรมีหน้าที่ต้องฟ้องร้องเป็นบุคคลล้มละลายต่อไป

ขณะที่ก่อนหน้านี้ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวว่า ขณะนี้กำลังหารือกับปลัดกระทรวงการคลัง โดยเรื่องนี้ต้องทำตามคำพิพากษาของศาล ได้มอบให้กรมสรรพากรไปพิจารณาในรายละเอียดและดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป 

“เมื่อเป็นคำพิพากษาของศาล พวกเราก็ต้องปฏิบัติตาม ส่วนขั้นตอนและรายละเอียดต่าง ๆ นั้น กรมสรรพากรกำลังดูอยู่” 

เมื่อถามว่า ตามขั้นตอนแล้วจะมีการเรียกเก็บเงินเมื่อไหร่ นายเอกนิติ กล่าวว่า ก็มีกระบวนการตอนนี้ให้ทางกรมสรรพาพิจารณารายละเอียด โดยขอเวลาให้กรมสรรพากรศึกษารายละเอียด เพราะคำพิพากษาเพิ่งออกมา เมื่อวันที่ 17 พ.ย. ซึ่งทุกคดีก็ต้องทำเหมือนกัน