วิธีแก้ปัญหาเศรษฐกิจของจีน เสี่ยงเกิดสงครามการค้าครั้งใหม่ ?

30 ม.ค. 2567 | 23:00 น.

มีความกังวลว่า วิธีแก้ปัญหาเศรษฐกิจของจีน จากนโยบายของ ประธานาธิบดี "สี จิ้นผิง" จะทำให้เสี่ยงเกิดสงครามการค้าครั้งใหม่ ?

ภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนกำลังตกต่ำ "ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง" จำเป็นต้องปรับรูปแบบเศรษฐกิจของประเทศใหม่เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตในทศวรรษหน้า คำถามที่ตามมาก็คือ การแก้ปัญหาของรัฐบาลมีความเสี่ยงที่จะจุดชนวนความตึงเครียดทางการค้าระลอกใหม่ทั่วโลกหรือไม่

วิธีแก้ปัญหาเศรษฐกิจของจีน เสี่ยงเกิดสงครามการค้าครั้งใหม่ ?

ผู้นำของจีนกำลังทุ่มให้กับการผลิตซึ่งเป็นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจ และกลายเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตในปี 2565 ส่วนหนึ่งของการมุ่งเน้นนั้นคือสิ่งที่เรียกว่า ปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโต "สามใหม่"  ไม่ว่าจะเป็น เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) แบตเตอรี่ และพลังงานทดแทน ซึ่งช่วยผลักดันการลดการปล่อยคาร์บอนของโลก และเพิ่มความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองแดง และลิเธียม

เมื่อเร็วๆ นี้ สหรัฐฯ และสหภาพยุโรปยกระดับคำเตือนเกี่ยวกับกำลังการผลิตล้นเกินของจีน "ยุโรป" ริเริ่มการสอบสวนทางการค้าหลายครั้ง ล่าสุด คณะกรรมาธิการยุโรปเตรียมสอบสวนเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าของจีน ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่หาได้ยากเนื่องจากโดยปกติแล้วการสอบสวนดังกล่าวมักได้รับการร้องขอจากภาคอุตสาหกรรม ส่งผลให้จีนเริ่มการสอบสวนต่อต้านการทุ่มตลาดในผลิตภัณฑ์สุราของสหภาพยุโรป เช่น บรั่นดี

เมื่อเร็วๆ นี้ นายฟู่ ชง เอกอัครราชทูตจีนประจำสหภาพยุโรป (EU) ระบุว่า การที่ EU ดำเนินการตรวจสอบผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจีนที่ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐ ถือเป็นการกระทำที่ไม่ยุติธรรมพร้อมกับเตือนว่าสินค้าจากยุโรปอาจถูกตรวจสอบทางการค้ามากขึ้น

รถยนต์ไฟ้า EV (เครดิต pixabay)

ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ได้เข้มงวดมาตรการเพื่อปฏิเสธเทคโนโลยีขั้นสูงของจีน ขณะที่การแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2567 ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะมีโดนัลด์ ทรัมป์ ปรากฏอยู่ตามผลสำรวจทั่วประเทศในสหรัฐฯ 1,250 คนพบว่า ทรัมป์มีคะแนนนำไบเดน 40% ถึง 34% โดยที่เหลือไม่แน่ใจหรือวางแผนที่จะลงคะแนนให้คนอื่นหรือไม่มีใครเลย ซึ่งอาจส่งผลให้นโยบายกีดกันทางการค้าเพิ่มมากขึ้นไปอีก

การมุ่งเน้นด้านการผลิตของผู้นำจีนได้รับแรงผลักดันจากการผสมผสานระหว่าง วัตถุประสงค์ทางเศรษฐกิจ ความมั่นคง และเสถียรภาพทางสังคม ที่ปรึกษานโยบายของจีนและนักเศรษฐศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลกล่าวว่า สิ่งเหล่านี้เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาต่างๆ เช่น ความไม่เท่าเทียมกันของรายได้ที่กว้างขึ้น และประชานิยมซึ่งเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาหลังจากที่สูญเสียงานด้านการผลิตให้กับจีน การที่สหรัฐฯ ระงับใช้ชิประดับสูงยังกระตุ้นให้จีนเพิ่มความพยายามเป็น 2 เท่าในการส่งเสริมเทคโนโลยีล้ำสมัย ซึ่งถือเป็นความสำคัญด้านความมั่นคงแห่งชาติอย่างเร่งด่วน

ตัวเลขดังกล่าวถือเป็นตัวเลขประวัติศาสตร์ โดยสินค้าที่ผลิตในจีนเกินดุลเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 2 % ตามรายงานของ Bloomberg Intelligence รายงานประเมินว่าประมาณ 45 % ของผลผลิตภาคการผลิตของจีนถูกส่งออก เนื่องจากประชากร 1.4 พันล้านคนของประเทศไม่สามารถซื้อสินค้าได้เพียงพอ เช่น รถยนต์ไฟฟ้า เรือ และเครื่องใช้ในครัวเรือนเพื่อรองรับอุปทานที่เพิ่มขึ้น

การมุ่งเน้นใหม่ของจีนในการยกระดับอุตสาหกรรมหมายถึงการผลักดันเข้าสู่ภาคส่วนต่างๆ สิ่งนี้นำไปสู่การนำเข้าที่ลดลงจากประเทศต่างๆ เช่น เยอรมนี เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ซึ่งแต่ก่อนเคยเกินดุลการค้ากับจีน เพราะจัดหาส่วนประกอบที่มีเทคโนโลยีสูง

หลักฐานที่แสดงให้เห็นมีตั้งแต่การเพิ่มสินเชื่อของธนาคารให้กับภาคอุตสาหกรรม การส่งออกทุกอย่างที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่รถยนต์และรถขุดไปจนถึงเครื่องซักผ้า แม้ว่าการก่อสร้างที่อยู่อาศัยจะตกต่ำก็ตาม

ความสำเร็จด้านการผลิตที่ชัดเจนที่สุดของจีนคือมูลค่าการส่งออกรถยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ และแผงโซลาร์เซลล์เพิ่มขึ้น 42 % เมื่อเทียบเป็นรายปีในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2566 ยอดขายในประเทศของผลิตภัณฑ์เหล่านั้นมีมากกว่าการส่งออก โดยได้รับแรงหนุนจากเงินอุดหนุนสำหรับการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์และการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ผู้บริโภคในท้องถิ่นซื้อรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศเกือบ 6 ล้านคันในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2566 เทียบกับการส่งออก 1.6 ล้านคัน

วิธีแก้ปัญหาเศรษฐกิจของจีน เสี่ยงเกิดสงครามการค้าครั้งใหม่ ?

รายงานระบุว่า เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง เตือนเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาว่าอุปทานล้นตลาด อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคตในอุตสาหกรรมที่จีนลงทุนอย่างหนักมาก เงินอุดหนุนแบบเลือกสรรในกฎหมายลดเงินเฟ้อของไบเดนมุ่งเป้าที่จะลดราคาเทคโนโลยีสีเขียวที่ผลิตในจีนออกจากตลาดสหรัฐฯ ในขณะที่การจำกัดการขายชิปที่เพิ่มขึ้นเพื่อชะลอการก้าวขึ้นมาของจีน

ขณะที่ตลาดจีนเปิดรับสินค้าที่ผลิตโดยบริษัทต่างชาติน้อยลง แม้การผลิตจะทำในท้องถิ่นก็ตามบางส่วนยังคงถูกจำกัดไว้สำหรับนักลงทุนต่างชาติ และรัฐบาลกำลังดำเนินนโยบาย "ซื้อของจีน" มากขึ้นสำหรับสินค้า เช่น อุปกรณ์ทางการแพทย์ 

การเติบโตอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรม "สามใหม่" จะไม่สามารถชดเชยการลดลงของอสังหาริมทรัพย์และการผลิตรถยนต์ที่ใช้น้ำมันที่ลดลง ตามที่นักเศรษฐศาสตร์ของ Goldman Sachs Group กล่าว ซึ่งจะส่งผลให้การเติบโตทางเศรษฐกิจลดลง 0.5 เปอร์เซ็นต์ต่อปีตั้งแต่ปี 2566 -2570 และส่งผลกระทบต่อการจ้างงานในเมือง 

แม้ผู้นำจีนใช้คำปราศรัยปีใหม่ประจำปีในวันที่ 31 ธันวาคม เพื่อเน้นย้ำการเปิดตัวเรือและเครื่องบินที่ทำเองลำแรกของจีน แต่ก็ไม่ชัดเจนว่าจีนจะสามารถก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในแนวรบทั้งหมดนี้ได้หรือไม่

นอกจากนี้ในการเติบโตของการผลิตคือความตึงเครียดทางการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้น หมายความว่าจีนจะต้องขายส่วนแบ่งการผลิตที่มากขึ้นในประเทศ เเม้จะตระหนักถึงความจำเป็นในการเพิ่มอุปสงค์ภายในประเทศ แต่จัดลำดับความสำคัญทางเศรษฐกิจเป็นอันดับสองรองจากอุตสาหกรรมที่กำลังพัฒนาในปี 2567

ทางการได้ต่อต้านมาตรการต่างๆ เช่น การแจกเงินสดเพื่อเพิ่มการบริโภคโดยตรง และกำลังปรับใช้แนวทางส่วนใหญ่ที่คาดว่าอุปทานจะสร้างอุปสงค์ เนื่องจากผลผลิตที่มากขึ้นส่งผลให้ค่าจ้างสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการผลิตกลายเป็นระบบอัตโนมัติมากขึ้น รายได้จากการผลิตที่สูงขึ้นมักถูกแบ่งให้กับคนงานน้อยลงและผู้ถือหุ้นที่มีฐานะร่ำรวยซึ่งใช้จ่ายน้อยลง

ที่มาข้อมูล