14 กุมภาพันธ์ ทำไมถึงเป็นวันวาเลนไทน์ ใครเป็นผู้ตั้ง

13 ก.พ. 2566 | 18:12 น.

14 กุมภาพันธ์ ทำไมถึงเป็นวันวาเลนไทน์ ใครเป็นคนตั้งชื่อ มีความหมายอย่างไร ทำไมทั่วโลกถึงให้ความสำคัญในวันนี้

วันนี้ 14 กุมภาพันธ์ 2566  เป็นวันที่คู่รักหลายคู่อยากให้ถึงวันนี้ เพราะวันที่ 14 กุมภาพันธ์  คือวัน วาเลนไทน์ 

14 กุมภาพันธ์ตรงกับวันอะไร

14 กุมภาพันธ์ 2566 ตรงกับวันอังคาร เป็นวันทำงาน เชื่อว่าในช่วงเย็นร้านอาหาร ศูนย์การค้า เต็มไปด้วยคู่รักควงคู่ถือดอกไม้ ส่วนเรื่องจราจรไม่ต้องกังวลเลยว่าติดขัดอย่างแน่นอน

ทำไมวันที่ 14 กุมภาพันธ์ถึงเป็นวันวาเลนไทน์

14 กุมภาพันธ์ เป็น “วันแห่งความรัก” หรือ Valentine’s Day สัญลักษณ์วันวาเลนไทน์ คือ คิวปิด หรือ กามเทพ คิวปิด เป็นบุตรของวีนัส และ มาร์ส แต่ชาวกรีกเรียกคิวปิดว่า อีรอส ภาพของคิวปิดที่มนุษย์โลกปัจจุบันได้รู้จักก็คือภาพเด็กน้อยที่ถือคันธนูและลูกศร มีหน้าที่ยิงศรรักให้ปักกลางใจคน ปัจจุบันคิวปิดและธนู เป็นเครื่องหมายแห่งความรัก ภาพจำของ คิวปิด คือ ศรรักคิวปิด นั่นเอง

 

พลิกประวัติวันวาเลนไทน์ 

วันวาเลนไทน์  ถือกำเนิดในยุคที่จักรวรรดิโรมันเรืองอำนาจ ในยุคนั้น วันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี ถูกจัดให้เป็นวันหยุด  เพื่อเป็นเกียรติประวัติแด่ เทพเจ้าจูโน ผู้เป็นจักรพรรดินีแห่งเทพเจ้าโรมัน นอกจากนี้แล้วพระองค์ยังทรงเป็นเทพเจ้าแห่งอิสตรีเพศและการแต่งงาน และในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ เป็นวันเริ่มต้นเทศกาลเฉลิมฉลองแห่งลูเพอร์คาร์เลีย การดำเนินชีวิตของหนุ่มสาวจะถูกตัดขาดออกจากกันอย่างสิ้นเชิงในรัชสมัยของจักรพรรดิคลอดิอัสที่ 2 (Emperor Claudius II) แห่งกรุงโรม พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่มีใจคอดุร้าย และ ทรงนิยมการทำสงครามนองเลือด ได้ทรงตระหนักว่าเหตุที่ชายหนุ่มส่วนมากไม่ประสงค์จะเข้าร่วมในกองทัพ เนื่องจากไม่อยากจากคู่รักและครอบครัวไป จึงทรงมีพระราชโองการสั่งห้ามมิให้มีการจัดพิธีหมั้นและแต่งงานกันในโรมโดยเด็ดขาด ทำให้ประชาชนมีความทุกข์ใจ

นักบุญ “เซนต์วาเลนไทน์” แจ้งเกิดวันแห่งความรัก

ในช่วงระหว่างนั้นเอง มีนักบุญรูปหนึ่งนามว่า เซนต์วาเลนไทน์ หรือ วาเลนตินัส ซึ่งอาศัยอยู่ในกรุงโรมได้ร่วมมือกับเซนต์มาริอัส จัดพิธีแต่งงานให้กับชาวคริสต์หลายคู่  เพราะความปรารถนาดีนี้เองจึงทำให้วาเลนไทน์ ถูกจับ  แม้จะถูกจับแต่ “เซนต์วาเลนไทน์” ยังคงส่งคำอวยพรวาเลนไทน์ขณะที่เป็นนักโทษ

 

 

เซ็นต์วาเลนไทน์ เสียชีวิตเมื่อไหร่

เหตุผลที่ เซ็นต์วาเลนไทน์ เขียนคำอวยพร เป็นเพราะได้ตกหลุมรักหญิงสาวที่เป็นลูกสาวของผู้คุมที่ชื่อ จูเลีย ซึ่งได้มาเยี่ยมระหว่างที่ถูกคุมขัง ในคืนก่อนที่วาเลนไทน์จะสิ้นชีวิตด้วยการถูกตัดศีรษะ ได้ส่งจดหมายฉบับสุดท้ายถึง จูเลีย โดยลงท้ายว่า "From Your Valentine" โดยเซ็นต์วาเลนไทน์ เสียชีวิตในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 270 (หรือ พ.ศ.813)  หลังจากนั้นศพของ เซ็นต์วาเลนไทน์ ได้ถูกเก็บไว้ที่โบสถ์พราซีเดส (Praxedes) ณ กรุงโรม  ส่วน จูเลีย ได้ปลูกต้นอามันต์ หรือ อัลมอลต์สีชมพู ไว้ใกล้หลุมศพของวาเลนตินัสผู้เป็นที่รักของเธอ โดยในทุกวันนี้ ต้นอามันต์สีชมพูได้เป็นตัวแทนแห่งรักนิรันดรและมิตรภาพอันสวยงาม ถึงแม้ว่าเบื้องหลังความเป็นจริงของวาเลนไทน์จะเป็นตำนานที่มืดมัว แต่ยังคงแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกสงสาร ความกล้าหาญและที่สำคัญที่สุดเป็นเครื่องหมายของความโรแมนติค จึงไม่น่าประหลาดใจเลยว่าในช่วงยุคกลาง วาเลนไทน์นับเป็นนักบุญที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในอังกฤษและฝรั่งเศส

ต่อมานักบวชในนิกายโรมันคาทอลิกจึงเลือกให้ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันเฉลิมฉลองเทศกาลวันแห่งความรัก และดูเหมือนว่ายังคงเป็นธรรมเนียมที่ชายหนุ่มจะเลือกหญิงสาวที่ตนเองพึงใจในวันวาเลนไทน์ สืบต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้

สิ่งของที่ให้วันวาเลนไทน์

ดอกกุหลาบแดง

กุหลาบแดง เป็นดอกไม้ที่นิยมที่คู่รักมอบให้แก่กัน ในตำนานเทพเจ้ากรีกและโรมัน “ดอกกุหลาบ” ถูกเชื่อมโยงกับ “วีนัส” เทพีแห่งความงามและความรัก หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อว่า “อโฟรไดท์” (Aphrodite)

14 กุมภา วันวาเลนไทน์ นอกจากมอบดอกกุหลาบ เขียนการ์ดอวยพร  มอบช็อกโกแลต หรือ ให้แหวนรูปหัวใจแทนใจ บางคู่อาจใช้วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566  เป็นวันหมั้น วันจดทะเบียนสมรส และ วันแต่งงานอีกด้วย.