ค้าโลกฟื้นตัวชัด ส่งออกไทยQ2 สดใส มั่นใจโตสองหลัก

22 เม.ย. 2564 | 03:48 น.
อัปเดตล่าสุด :23 เม.ย. 2564 | 11:02 น.

แม้ตัวเลขมูลค่าการส่งออกของไทยช่วง 2 เดือนแรกปีนี้ จะยังติดลบที่ 1.16% แต่หากหักทองคำ น้ำมัน อาวุธ ซึ่งเป็นสินค้าซื้อมา-ขายไปและเป็นยุทธปัจจัยแล้ว การส่งออกไทยช่วง 2 เดือนแรกขยายตัวถึง 5.15%

ทั้งนี้สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า(สนค.) ในฐานะที่เป็นหน่วยงานในการวิเคราะห์ภาพรวมการส่งออกของประเทศ มองว่าในเดือนมีนาคมการส่งออกจากภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง (เรียลเซ็กเตอร์) มีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

ทั้งนี้สนค.มองว่าการส่งออกของไทยในไตรมาสที่ 1/2564 จะยังติดลบ แต่จะเป็นการติดลบที่น้อยลง ซึ่งไม่มีความน่ากังวล คาดภาพรวมการส่งออกไตรมาสแรกปีนี้จะมีมูลค่า 61,167-62,889 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ยังติดลบ 2.5% ถึงลบ 3%  

 

คาด Q2 ตัวเลขโต2หลัก

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า(สนค.) ให้สัมภาษณ์กับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า มั่นใจไตรมาส 2 ส่งออกไทยจะกลับมาสดใส  และจะเป็นจุดเริ่มต้นของการขยายตัวการส่งออกของไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้อย่างชัดเจน และจะเป็นช่วงที่มีอัตราการขยายตัวอยู่ในเกณฑ์สูง โดยเฉพาะในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายนคาดการส่งออกไทยจะขยายตัวในระดับตัวเลข 2 หลัก จากการส่งออกสินค้าสำคัญมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีโดยเฉพาะสินค้าที่เกี่ยวกับการป้องกันโรคระบาดอย่างไวรัสโควิด-19 และสินค้าที่เกี่ยวกับการทำงานที่บ้าน (Work From Home) และทางการแพทย์ เช่น ถุงมือยาง สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ที่มีเทคโนโลยีสูง มันสำปะหลัง ที่ยังมีความต้องการซื้อสูงจากตลาดจีน 

รวมถึงอาหารสัตว์เลี้ยงที่คาดว่าการส่งออกจะเพิ่มสูงขึ้นตามเทรนด์การเลี้ยงสัตว์ของผู้บริโภคในช่วงที่ทำงานที่บ้านที่เพิ่มขึ้น สินค้าผลไม้ยังคงเป็นที่ต้องการของตลาดจีน สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันที่จะขยายตัวสูงตามราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นอย่างชัดเจน คาดในไตรมาสที่ 2 ภาพรวมการส่งออกไทยจะมีมูลค่า 59,982-63,063 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัว 16-22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 


ค้าโลกฟื้นตัวชัด  ส่งออกไทยQ2 สดใส  มั่นใจโตสองหลัก

ตลาดสหรัฐ-จีน-ญี่ปุ่นขยายตัว

ขณะที่ทั้งปี 2564  กระทรวงพาณิชย์ ได้คาดการณ์การส่งออกของไทยจะขยายตัวได้ที่ 4%  โดยมองว่าตลาดหลักๆ ของไทยไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น สนค.ได้มีการศึกษาว่าน่าจะมีการขยายตัวที่ชัดเจนและยังเป็นตลาดหลักที่ช่วยขับเคลื่อนการส่งออกทั้งปีให้เป็นไปตามเป้าหมายได้ ทั้งนี้ตลาดสหรัฐฯคาดทั้งปีนี้คาดจะขยายตัวที่ 6% จาก 2 เดือนแรกปีนี้ขยายตัวถึง 16% ถือเป็นการขยายตัวสูงกว่าเป้าหมายค่อนข้างมาก ส่วนตลาดจีนคาดจะขยายตัว 4.9% จาก 2 เดือนแรกปีนี้ขยายตัวถึง 12% ตลาดญี่ปุ่นคาดจะขยายตัว 3% จาก 2 เดือนแรกขยายตัวถึง 7% ตลาดสหภาพยุโรป (อียู) คาดจะขยายตัว 2.8%  แม้ 2 เดือนแรกของปีนี้จะติดลบ 2.7% แต่ถือว่ายังมีทิศทางที่สดใส และตลาดอาเซียน (9) คาดการณ์น่าจะขยายตัวที่ 1.9% แม้ 2 เดือนแรกจะติดลบแต่ก็มั่นใจว่าช่วงที่เหลือของปีจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป

 

ปัจจัยบวก ศก.คู่ค้าฟื้น

ทั้งนี้ปัจจัยบวกที่ส่งผลต่อการส่งออกไทยมีหลายปัจจัย ที่สำคัญ ได้แก่ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องแบบค่อยเป็นค่อยไปตามมาตรการผ่อนคลายการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 การเร่งพัฒนา และการฉีดวัคซีน รวมถึงการฟื้นตัวของภาคการผลิตโดยเฉพาะในประเทศที่เป็นเศรษฐกิจหลักของโลก เช่น สหรัฐฯ ยุโรป จีน ญี่ปุ่น    

ขณะที่สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯแม้ว่าจะยังคงมีอยู่ แต่คาดว่าสหรัฐฯภายใต้การบริหารประเทศของประธานา ธิบดีโจ ไบเดน จะยังไม่ยกเลิกข้อตกลงเศรษฐกิจการค้าระยะแรกกับจีน แต่จะไม่เพิ่มความรุนแรงของมาตรการภาษีที่ใช้กับจีน ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนและภูมิภาคเอเชียและส่งผลดีต่อการส่งออกของไทย โดยเฉพาะสินค้าที่ไทยเป็นห่วงโซ่อุปทานของจีน ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ยางและผลิตภัณฑ์ยาง ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ รวมถึงสินค้าไทยหลายรายการมีโอกาสในการส่งออกทดแทนสินค้าจีนในตลาดสหรัฐฯ เป็นต้น 

 

โควิดปัจจัยเสี่ยงสุด

ด้านปัจจัยเสี่ยงหรือปัจจัยลบ ได้แก่ ความแน่นอนของสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่อาจส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และกำลังซื้อของประเทศคู่ค้าชะลอตัวลง โดยเฉพาะในตลาดยุโรปที่ไวรัสโควิด-19 กลับมาแพร่ระบาดอีกครั้งและรุนแรงขึ้น ทำให้หลายประเทศมีการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดอีกครั้ง ขณะภาคการค้าแม้จะเริ่มปรับตัวดีขึ้นตามอุปสงค์การฟื้นตัวแต่กิจกรรมต่าง ๆ ด้านการค้า แต่ภาคการขนส่งอาจหยุดชะงัก และอาจต้องใช้เวลาในการคลี่คลายสถานการณ์ เป็นต้น  

หน้า 9 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,672 วันที่ 22 - 24 เมษายน พ.ศ. 2564