นางสาวปณิตา ชินวัตร รองผู้อำนวยการ รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า สสว. ระบุข้อมูลกลุ่มธุรกิจดาวรุ่งและกลุ่มเฝ้าระวัง ประจำปี 2568 โดยวิเคราะห์จากการเติบโตของกำไรขั้นต้นเฉลี่ยและจัดกลุ่มจากลักษณะของกิจกรรมภายในอุตสาหกรรมเดียวกัน โดยกลุ่มธุรกิจดาวรุ่ง มีกำไรขั้นต้นเฉลี่ยเติบโตเกินกว่า 100% ซึ่งเติบโตสูงจากปัจจัยทางเศรษฐกิจและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ประกอบด้วย
- ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์ เติบโตจากการขยายตัวของการค้าออนไลน์และการเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตที่มีการใช้บริการการขนส่งสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้น (มูลค่า GDP SME รวม160,877 ล้านบาท, อัตราการเติบโตของกำไรขั้นต้นเฉลี่ย +500%)
- เครื่องจักร อุปกรณ์ และเครื่องใช้ทางการเกษตร: รองรับการปรับตัวสู่เกษตรกรรมยุคใหม่จากสังคมสูงวัย (มูลค่า GDP SME รวม3,018 ล้านบาท, อัตราการเติบโตของกำไรขั้นต้นเฉลี่ย + 832 %)
- ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้สูงอายุ : จากการที่ไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยเต็มรูปแบบ (มูลค่า GDP SME รวม 901 ล้านบาท, อัตราการเติบโตของกำไรขั้นต้นเฉลี่ย + 241 %)
ขณะที่กลุ่มธุรกิจเฝ้าระวัง กำไรขั้นต้นหดตัวเฉลี่ยมากกว่า 50% เป็นกลุ่มธุรกิจซึ่งเผชิญความท้าทายจากการแข่งขันสูงและการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี พบว่า
- การขายเครื่องสำอางเผชิญกับการแข่งขันสูงทั้งจากผู้ค้าและผู้ผลิตซึ่งผู้บริโภคสามารถซื้อผ่านออนไลน์จากผู้ผลิต/ผู้ค้าโดยตรงจากต่างประเทศได้มากขึ้น (มูลค่า GDP SME รวม 22,173 ล้านบาท, อัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยหดตัว -50%)
- การขายรถยนต์มือสอง ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์ไฟฟ้า และการปรับราคารถยนต์ใหม่ (มูลค่า GDP SME รวม13,390 ล้านบาท, อัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยหดตัว -97%)
• ผลิตภัณฑ์ยาง เผชิญกับการแข่งขันสูงโดยเฉพาะสินค้านำเข้า(มูลค่า GDP SME รวม 10,454 ล้านบาท, อัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยหดตัว -76%)
• ที่พักอาศัยนักเรียน/นักศึกษา ได้รับผลกระทบจากรูปแบบการเรียนแบบ Hybrid และความต้องการที่พักที่ทันสมัยอิสระมากขึ้น (มูลค่าGDP SME รวม 1,014 ล้านบาท, อัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยหดตัว -165%)