กังขาใช้ถุงมือยางธรรมชาติแพ้โปรตีน ทำไม “ถุงยางอนามัย” ใช้ได้

11 ก.ค. 2563 | 05:54 น.

"สุนทร" เดือด จัดหนัก หลังรู้ความจริงออร์เดอร์ทะลักข้ามปี เป็นถุงยางในไตรช้ำหนัก กังขาใช้ถุงมือยางธรรมชาติแพ้โปรตีน ทำไมใช้ “ถุงยางอนามัย” อย่าบีบกดดันชาวสวนให้ลงถนน

กังขาใช้ถุงมือยางธรรมชาติแพ้โปรตีน ทำไม “ถุงยางอนามัย” ใช้ได้

นายสุนทร รักษ์รงค์ กรรมการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) และ เลขาธิการสภาเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางแห่งประเทศไทย (สคยท.) เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ถุงมือยางกับความจริงที่เจ็บปวดความต้องการใช้ถุงมือทางการแพทย์ที่เพิ่มมากขึ้นจากสถานการณ์โควิด แทนที่ชาวสวนยางจะได้ประโยชน์จากราคายางที่สูงขึ้น เนื่องจากการนำน้ำยางธรรมชาติมาผลิตเป็นถุงมือแต่ปรากฎว่า...โรงงานผลิตถุงมือมีออร์เดอร์ข้ามปี เป็นถุงมือไนไตรที่ผลิตจากยางสังเคราะห์เสียส่วนใหญ่ ทำไมไม่มีใครชูธงอย่างจริงจัง...ให้มีการใช้ถุงมือทางการแพทย์ที่ผลิตจากยางธรรมชาติเท่านั้น โดยเฉพาะถุงมือตรวจโรคที่มีปริมาณการใช้มากที่สุดการใช้ถุงมือยางธรรมชาตินอกจากจะทำให้ราคายางสูงขึ้นและสร้างรายได้ให้เกษตรกรแล้วยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมตามกระแส Green ของโลกอีกด้วย 

 

“เรื่องจริง ก็แค่เทคนิคทางการตลาดของมาเลเซียที่เป็นเจ้าตลาดถุงมือยางของโลก โดยผลิตและจำหน่ายถุงมือไนไตรจากยางสังเคราะห์ NBR 70% ถุงมือยางธรรมชาติแค่เพียง 30% มาเลเซียนำเข้าน้ำยางข้นจากไทย ปีละ 700,000 ตัน เลยคิดวิธีที่ไม่ต้องพึ่งพายางธรรมชาติจากไทย โดยใช้นวัตกรรมยางไนไตร แต่ถุงมือไนไตรถ้าใช้เป็นถุงมือทางการแพทย์คุณสมบัติจะด้อยกว่าถุงมือยางธรรมชาติมากๆ คือแข็ง ไม่กระชับ ใส่แล้วเมื่อยมือ โดยเฉพาะถุงมือผ่าตัด ต้องใช้ถุงมือจากยางธรรมชาติเท่านั้น เพราะกระชับมือและยืดหยุ่นมากกว่า เพื่อความปลอดภัยให้กับคนไข้

กังขาใช้ถุงมือยางธรรมชาติแพ้โปรตีน ทำไม “ถุงยางอนามัย” ใช้ได้

พอคุณสมบัติด้อยกว่า เลยเกิดข้อหาเรื่องยางธรรมชาติมีโปรตีนที่จะทำให้คนยุโรปและอเมริกาสวมใส่แล้วแพ้ แต่ความจริงไม่ถึงขนาดนั้น เพราะโปรตีนในยางธรรมชาติมีปริมาณไม่สูงเกินเกณฑ์ที่กำหนด และตอนนี้มีนวัตกรรมการกำจัดโปรตีนออกได้ทางแก้ไขคือต้องใช้งานวิจัยของไทย ตอบโต้เรื่องการแพ้โปรตีน เพราะกระแสการใช้ยางธรรมชาติที่เป็นมิตรสิ่งแวดล้อมย่อมชนะถุงมือยางเทียมจากน้ำมันดิบได้ไม่ยาก แต่จุดแข็งของถุงมือไนไตรคือ ทำได้บางกว่า ทนต่อ กรด ด่าง และช่วงเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิได้มากกว่า จึงเหมาะสำหรับการใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ แต่ถุงมือไนไตรไม่ควรล่วงล้ำมาใช้เป็นถุงมือทางการแพทย์ โดยเฉพาะถุงมือตรวจโรค

 

นายสุนทร กล่าวว่า แค่เทคนิคทางการตลาดของมาเลเซียที่เป็นเจ้าตลาดถุงมือยางของโลก โดยผลิตและจำหน่ายถุงมือไนไตรจากยางสังเคราะห์ NBR 70% ถุงมือยางธรรมชาติแค่เพียง 30% มาเลเซียนำเข้าน้ำยางข้นจากไทยปีละ 700,000 ตัน เลยคิดวิธีที่ไม่ต้องพึ่งพายางธรรมชาติจากไทย โดยใช้นวัตกรรมยางไนไตร แต่ถุงมือไนไตรถ้าใช้เป็นถุงมือทางการแพทย์คุณสมบัติจะด้อยกว่าถุงมือยางธรรมชาติมากๆ คือแข็ง ไม่กระชับ ใส่แล้วเมื่อยมือ โดยเฉพาะถุงมือผ่าตัด ต้องใช้ถุงมือจากยางธรรมชาติเท่านั้น เพราะกระชับมือและยืดหยุ่นมากกว่า เพื่อความปลอดภัยให้กับคนไข้

กังขาใช้ถุงมือยางธรรมชาติแพ้โปรตีน ทำไม “ถุงยางอนามัย” ใช้ได้

พอคุณสมบัติด้อยกว่า เลยเกิดข้อหาเรื่องยางธรรมชาติมีโปรตีนที่จะทำให้คนยุโรปและอเมริกาสวมใส่แล้วแพ้ แต่ความจริงไม่ถึงขนาดนั้น เพราะโปรตีนในยางธรรมชาติมีปริมาณไม่สูงเกินเกณฑ์ที่กำหนด และตอนนี้มีนวัตกรรมการกำจัดโปรตีนออกได้ ทางแก้ไขคือต้องใช้งานวิจัยของไทย ตอบโต้เรื่องการแพ้โปรตีน เพราะกระแสการใช้ยางธรรมชาติที่เป็นมิตรสิ่งแวดล้อมย่อมชนะถุงมือยางเทียมจากน้ำมันดิบได้ไม่ยาก

 

แต่จุดแข็งของถุงมือไนไตรคือ ทำได้บางกว่า ทนต่อ กรด ด่าง และช่วงเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิได้มากกว่า จึงเหมาะสำหรับการใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ แต่ถุงมือไนไตรไม่ควรล่วงล้ำมาใช้เป็นถุงมือทางการแพทย์ โดยเฉพาะถุงมือตรวจโรค...แค่นี้นะ

 

เช่นเดียวกับนายทุนปิโตรเลียม เว้นทางเดินให้ชาวสวนยางบ้าง อย่าเป็นศัตรูกันเลย วันนี้ถนนดินยางพาราที่ยังไปไม่ถึงไหนก็เพราะชนกับยางมะตอย มาวันนี้เอาน้ำมันดิบมาทำถุงมือไนไตรอีก ขอกราบงามๆ อย่าให้ชาวสวนยางต้องออกนอกถนน