ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2563 เป็นต้นไป สารเคมี “พาราควอตและ คลอร์ไพริฟอส” ประกาศเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่4 ใบทะเบียน ใบอนุญาตผลิต และใบอนุญาตครอบครอง ซึ่งเป็นวัตถุอัตรายชนิดที่ 3 จะสิ้นสุด ในส่วนของเกษตรกร จะต้องส่งคืนร้านค้าภายใน 90 วัน ขณะที่ร้านค้า จะต้องส่งคืนผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าและและแจ้งปริมาณเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ภายใน 120 วัน และผู้ผลิตและผู้นำเข้า แจ้งปริมาณต่อพนักงานเจ้าเหน้าที่สำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร ภายใน 270 วัน หากฝ่าฝืนโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท
ดร.วีรวุฒิ กตัญญูกุล นายกสมาคมคนไทยธุรกิจเกษตร โพสต์ผ่านเฟสบุคส์ “สมาคมคนไทยธุรกิจการเกษตร” ดังข้อความว่า อุตส่าห์เสียสละเวลาของตัวเอง 2-3 เดือนที่ผ่านมา จัดทำหนังสือ “ผ่าความจริงแผนการแบนสามสาร” ขณะนี้หนังสือได้จัดพิมพ์เรียบร้อยแล้ว เนื้อหาสาระได้ชี้ให้เห็นความผิดปกติของการแบนสารเคมีทางการเกษตร 3 ชนิดที่มีความสำคัญต่อการประกอบอาชีพของเกษตรกรส่วนใหญ่ที่ต้องใช้ในขบวนการปลูกและผลิตพืชที่สำคัญทางเศรษฐกิจที่ใช้ในการบริโภคในประเทศและเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญของประเทศไทย
ได้นำเสนอข้อมูลที่เป็นจริงหักล้างข้อมูลเท็จที่นำเสนอต่อสังคมของกลุ่ม NGO และนักการเมืองบางกลุ่ม และความไม่ชอบมาพากลของคณะกรรมการวัตถุอันตราย ที่เปลี่ยนคำตัดสินจากการจำกัดการใช้ มาเป็นแบนทั้ง3 ชนิด และในที่สุดแบน 2 ชนิด ในระยะเวลาอันสั้น ทั้ง ๆ ที่มาตราการจำกัดการใช้ยังไม่ทันได้เริ่มต้น ผิดวิสัยของผู้ทรงคุณวุฒิและผู้ที่ได้รับเกียรติเป็นผู้ตัดสินชี้เป็นชี้ตายในเรื่องที่สำคัญที่มีผลกระทบต่อเกษตรกร ต่อความมั่นคงการผลิตอาหารและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ต่อเศรษฐกิจของประเทศ และการค้าระหว่างประเทศเพื่อบรรลุจุดประสงค์ของการทำหนังสือครั้งนี้ สมาคมฯ จะได้ส่งหนังสือให้สมาชิกทุกบริษัท หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง สื่อมวลชน และประชาชนทั่วไป สามารถติดต่อขอรับมาทางสมาคมฯ ได้ตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป