KEY
POINTS
โรงพยาบาลวิมุต ร่วมกับ ALive Powered by AIA แอปพลิเคชันดูแลสุขภาพกาย ใจ และการเงิน เปิดเวทีเสวนาStress Less, Happy More เจาะลึกปมปัญหาพร้อมแนะนำวิธีรับมือความเครียดอย่างถูกวิธี เพราะเมื่อเกิดความเครียดเรื้อรังจากการทำงานจะเปรียบเสมือนภัยเงียบ ที่คอยกัดกินสุขภาพกายและใจ และหากปล่อยทิ้งไว้อาจลุกลามสู่ “ภาวะหมดไฟ”ทำลายทั้งชีวิตส่วนตัวและการงาน
พญ.เพ็ญชาญา อติวรรณาพัฒน์ แพทย์ผู้ชำนาญการด้านจิตเวช ศูนย์สุขภาพใจ รพ.วิมุต พร้อมด้วย “เขื่อน” ภัทรดนัย และ “มิกซ์” เฉลิมศรี ได้ร่วมแชร์เคล็ดลับการดูแลใจ ให้ทุกคนกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างแฮปปี้อีกครั้ง ด้วยการรู้ทันความเครียดของคนวัยทำงาน ทำไม “งานยุคใหม่” ทำให้ป่วยใจได้
โดยการทำงานสมัยใหม่เต็มไปด้วยความซับซ้อนและแรงกดดันที่มากขึ้น เทคโนโลยีที่เคยช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นกลับกลายเป็นกับดักที่ทำให้ต้อง “ออนไลน์ตลอดเวลา” จนเส้นแบ่งระหว่างเวลางานกับเวลาส่วนตัวลดลงเรื่อย ๆ ส่งผลให้หลายคนแบกความเครียดกลับบ้านโดยไม่รู้ตัว เมื่อร่างกายเผชิญความกดดันจะเข้าสู่โหมด Fight or Flight Response (สู้หรือหนี) พร้อมหลั่งฮอร์โมนความเครียดอย่าง Adrenaline และ Cortisol ออกมาเพื่อเตรียมรับมือ
หากสิ่งนี้เกิดขึ้นชั่วคราวก็คงไม่เป็นไรแต่เมื่อไหร่ที่ภาวะนี้เกิดขึ้นต่อเนื่อง เป็นเดือนหรือปี ร่างกายของเราก็ไม่ต่างอะไรกับเครื่องยนต์ที่ติดอยู่ตลอดโดยไม่ได้พัก จนสุดท้ายจะส่งผลเสียรุนแรงต่อร่างกายและจิตใจ ทำให้เกิดอาการสมองล้า คิดช้าลงตัดสินใจไม่ได้ อารมณ์เปราะบาง หงุดหงิดง่าย ไปจนถึงอาการทางกาย เช่น ปวดหัวไมเกรน นอนไม่หลับ และปวดเมื่อยเรื้อรัง
พญ.เพ็ญชาญา กล่าวว่า ถ้าปล่อยให้ร่างกายแบกรับความเครียดซ้ำ ๆ และไม่ดูแลให้ดีอาจนำไปสู่ 'ภาวะหมดไฟ' (Burnout) ได้ ซึ่งในอนาคตโดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้บอกสัญญาณเตือนไว้ 3 ข้อ คือ
หากใครที่เริ่มมีสัญญาณเหล่านี้ แนะนำให้มาปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีดูแลใจร่วมกัน โดยเฉพาะกลุ่ม Perfectionist หรือคนที่คิดว่าทุกอย่างต้องสมบูรณ์แบบ เพราะมักจะแบกความคาดหวังไว้เกินลิมิตจนเครียดสะสมไม่รู้ตัว
ดังนั้น การป้องกันภาวะหมดไฟให้ได้ผลดีที่สุดเริ่มจากการลดความเครียดและหันมาใส่ใจดูแลตัวเองให้มากขึ้น จำกัดชั่วโมงทำงานไม่ให้นานเกินไป และต้องให้ความสำคัญกับการพักผ่อนให้เพียงพอ โดยพยายามหาวิธีผ่อนความเครียดที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง อาจจะเป็นการออกกำลังกาย ทำสิ่งที่ชอบและผ่อนคลายในแบบของตนเอง หรือการพูดคุยระบายความรู้สึกกับคนที่ไว้ใจ ถ้าลองปรับเปลี่ยนแล้วอาการยังไม่ดีขึ้นก็อย่าปล่อยไว้ ควรปรึกษาจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาเพื่อหาแนวทางรักษาสุขภาพใจไปด้วยกัน
ด้าน “เขื่อน” ภัทรดนัย ศิลปินและนักจิตวิทยาและ “มิกซ์” Badmixy กล่าวว่า ศิลปินเป็นหนึ่งในอาชีพทีาต้องรับมือกับความกดดันสูงในทุกวัน สิ่งสำคัญที่สุดคือการรู้เท่าทันอารมณ์ของตัวเอง เวลาเครียดก็จัดการให้จบที่ตัวเอง ไม่ปล่อยให้อารมณ์นั้นควบคุมจนไปทำตัวไม่น่ารักหรือระบายกับคนอื่น โดยต้องซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเอง เครียดก็ยอมรับว่าเครียด ไม่เก็บกดไว้ข้างในจนสะสม แล้วหาวิธีผ่อนคลายในแบบที่ตัวเองชอบ
อย่างไรก็ตาม ความเหนื่อยและความเครียดเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้เป็นปกติ และสามารถผ่อนคลายได้ด้ววกาากอดตัวเอง อนุญาตให้ตัวเองได้พัก และหากวันไหนรู้สึกว่าไม่ไหวแล้วจริง ๆ ควรปรึกษาจิตแพทย์ เพื่อเริ่มดูแลรักษาใจให้กลับมาแข็งแรงและมีความสุขได้อีกครั้ง