“เฮียหลี” เคลียร์ทุกปมกังขาเผาน้ำมันปาล์มปั่นไฟ ยันเป็นไปตามระเบียบจัดซื้อจัดจ้างของ กฟผ. “พี.เค.มารีน” เป็นผู้รับจ้างขนส่งทางเรือเท่านั้น ไม่ได้มีเอี่ยวขายน้ำมันปาล์มดิบ ขณะที่ผู้ว่าจ้างเป็นเอกชนที่ขายน้ำมันให้ กฟผ. ไม่ใช่ กฟผ.จ้างขนส่ง วอนสอบข้อมูลให้ชัด อย่าโจมตีเพียงอย่างเดียว
ตามมติคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) (1 พ.ย.61) และมติ ( 20 พ.ย.61) เห็นชอบให้กระทรวงพลังงาน โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รับซื้อน้ำมันปาล์มดิบ (ซีพีโอ) จำนวน 1.6 แสนตัน เพื่อใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าบางประกงในราคากิโลกรัม(กก.)ละ 18 บาท ซื้อครบเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2562 และได้ใช้ไปหมดแล้วเมื่อเดือนมิถุนายน 2562
ต่อมามติ กนป. (2 พ.ค.62) และมติคณะรัฐมนตรี (ครม.)(7 พ.ค.62) เห็นชอบให้กระทรวงพลังงานโดย กฟผ.รับซื้อน้ำมันปาล์มดิบ จำนวน 2 แสนตัน เพื่อใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าบางปะกงโดยให้รับซื้อจำนวน 1 แสนตัน ภายในเดือนพฤษภาคม 2562 ซึ่งในการรับซื้อดังกล่าวนี้ทำให้ราคาผลปาล์มน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นจึงหยุดการรับซื้อ ยังเหลือ จำนวน 1.33 แสนตัน ล่าสุด กฟผ.ประกาศเปิดให้โรงสกัดน้ำมันปาล์มดิบยื่นเสนอราคาในวันที่ 9 ตุลาคม 2562 จำนวน 1.1 แสนตัน วงเงินกว่า 1,925 ล้านบาทนั้น
นายประกิต ประสิทธิ์ศุภผล หรือ "เฮียหลี"กรรมการผู้จัดการ บริษัท พี.เค.มารีน เทรดดิ้ง จำกัด (บจก.) ผู้ประกอบการขนส่งทางเรือและท่าเทียบเรือ ในโครงการเพื่อสนับสนุนการใช้นํ้ามันปาล์มดิบในการผลิตกระแสไฟฟ้าตามมาตรการปรับสมดุลนํ้ามันปาล์มในประเทศ เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ไม่มีได้มีส่วนได้เสียอะไรเกี่ยวกับโครงการนี้เลย และไม่ได้มีรายชื่อผู้ที่จะขายน้ำมันปาล์มดิบให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)
ส่วนเรื่องการขนส่งที่จะขนส่งทางเรือเท่านั้น เพราะทางการไฟฟ้าฯไม่สามารถที่จะใช้บรรทุกขนส่งน้ำมันปาล์มดิบไปทางบกวันละ 1,000-1,500 ตันได้เนื่องจากถนนที่เข้าไปในโรงไฟฟ้าบางประกงขนส่งน้ำหนักรวมได้ไม่เกิน 18 ตัน นี่คือข้อเท็จจริง และในขณะนี้รถที่ขนส่งน้ำมันได้ไม่เกิน 18 ตันในท้องตลาดไม่มีเลย และที่สำคัญรถแบบนี้ในเมืองไทยเลิกใช้ไปตั้งนานแล้ว เพราะฉะนั้นกฟผ.ก็ไม่สามารถที่จะหารถหรือใช้รถแบบนี้ได้จากผู้ประกอบการ ดังนั้นจึงมีอยู่ทางเดียวที่จะทำได้คือจะต้องใช้การขนส่งทางน้ำเท่านั้น
“ในขณะนั้นก็มีผู้ยื่นประมูลหลายรายไม่ใช่มีผมคนเดียว และราคาที่บริษัทได้ทำก็เป็นราคาที่ยุติธรรมกับภาครัฐ ไม่ใช่แพงจนกินไป ประกอบกับบริษัทก็บังเอิญมีทั้งคลัง ทั้งเรือ เรียกว่าครบทุกอย่าง ส่วนค่าขนส่งก็เก็บจากผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการที่ขายน้ำมันดิบ กับ กฟผ. ไม่ได้เก็บจาก กฟผ. ดังนั้นหากจะกล่าวหาอะไรขอให้ตรวจสอบไม่ใช่โจมตีอย่างเดียว เพราะผมก็เสียหายและเสียชื่อเสียง หากเป็นอย่างนี้แบงค์จะเชื่อถือหรือไม่”
นายประกิต กล่าวว่า ส่วนของที่มีผู้ไปร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ถึงความไม่ชอบมาพากลนั้นไม่เป็นความจริงให้ร้องไปเลย ซึ่งเป็นระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง รวมทั้งทีโออาร์เป็นของ กฟผ. “ตามระเบียบ กฟผ.ผู้ขายมีหน้าที่ส่งมอบสินค้าปลายทางที่โรงไฟฟ้าบางปะกงจะรับน้ำหนักที่ปลายทาง คือน้ำหนักของผู้ซื้อเท่านั้น ตามราคากลางที่ กฟผ.ประกาศรับซื้อ ส่วนค่าขนส่งบริษัทก็ไปเก็บกับลูกค้าที่ขายน้ำมันดิบให้ กฟผ. ตนก็งงว่าไปเกี่ยวอะไรด้วย ถ้าลากไปเกี่ยวแล้วไม่ผิดก็จะฟ้องกลับเช่นเดียวกัน เพราะทำให้ภาพลักษณ์เสียหาย เสียชื่อเสียง